เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
บล็อกนี้ เป็นบล็อกสำหรับทุกคนที่ต้องการรับรู้ถึงสังคมปัจจุบันว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางใดและสังเกตุพฤติกรรมของมุสลิมในสังคมว่ามีสภาพว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้เพื่อนอิสลามจะคอยเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เข้ามาเยื่ยมชม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คือ เป็นเพื่อนในอิิสลามของคุณตลอดไป และถ้าหากเห็นว่าบล็อกนี้มีประโยชน์ช่วยเม้นให้ด้วยนะ หรือ ถ้าหากจะต้องการเนื้อหาอะไรก็โพสได้นะครับ ยินดีเสมอครับ

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บทส่งท้าย

พี่น้องมุสลิม หลังจากที่เราได้รับรู้เรื่องทั้งหมดเล่านี้ ข้าพเจ้าคิดว่าผู้อ่านคงจะเห็นด้วยกับข้าพเจ้าว่า ผู้ที่มีความเชื่อในศาสนาผิดๆ เช่นนี้ เขาไม่ได้เป็นมุสลิมถึงแม้เขาจะเรียกตัวเองว่าเป็นมุสลิมก็ตาม ดังนั้นอะไรคือสิ่งที่เราควรต้องทำกับพวก        รอฟิเฎาะฮฺเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะพวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับสังคมมุสลิม และอ้างตนเป็นมุสลิมอีกเช่นเดียวกัน ?
แท้จริง สิ่งจำเป็นสำหรับเราคือการระวังตัวจากพวกเขา และต้องไม่คลุกคลีด้วย อีกทั้งต้องระวังจากความเชื่อที่ชั่วร้ายของพวกเขา ที่ยึดหลักปักอยู่บนฐานของการเป็นศัตรูกับผู้ที่ศรัทธาและยอมรับในความเป็นเอกะของอัลลอฮฺ มั่นใจว่าพระองค์เป็นองค์อภิบาล อิสลามเป็นศาสนา มุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม เป็นนบีและรสูล
ชัยคุล อิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ ได้กล่าวว่า : ผู้เป็น        รอฟิเฎาะฮฺจะไม่คบค้ากับใครนอกจากด้วยวิธีกลับกลอก เพราะแท้จริงศาสนาที่อยู่ในหัวใจของพวกเขาเป็นศาสนาที่เสื่อมทราม ซึ่งมีต้นตอมาจากการโป้ปด การทรยศ  หลอกลวงผู้คน และคิดร้ายต่อพวกเขา เขาจะไม่ปล่อยความชั่วร้ายและความเลวนอกจากต้องวางแผนจัดการมันกับผู้คนเหล่านั้น ตัวเขาจะเป็นที่ชิงชังของคนที่ไม่รู้จักเขา ถึงคนผู้นั้นจะไม่รู้ว่าเขาเป็นรอฟิเฎาะฮฺ สัญลักษณ์ของการกลับกลอกจะเห็นได้บนใบหน้าของพวกเขา และจากสุ้มเสียงวาจาที่พวกเขาพูด [1]
แท้จริงพวกเขาได้ปิดบังความแค้นและความเป็นศัตรูกับพวกเรา ขออัลลอฮฺทรงจัดการกับพวกเขา ไฉนเล่าพวกเขาจึงถูกหลอกจนหันเห กระนั้นเรายังพบเห็นคนที่โดนกับดักของพวกเขาในหมู่คนทั่วไปที่เป็นชาวสุนนีย์ ได้คลุกคลีกับพวกเขา เชื่อใจพวกเขา ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการที่เราออกห่างจากศาสนาของอัลลอฮฺ และไม่รับรู้บัญญัติที่พระองค์ทรงใช้ให้มุสลิมเชื่อและปฏิบัติ ด้วย     อากีดะฮฺที่ต้องให้การสนับสนุนต่อมุสลิมผู้ยอมรับในเอกภาพแห่ง อัลลอฮฺ(เตาฮีด) และห่างไกลพร้อมปฏิเสธพวกกาฟิรหรือผู้ตั้งภาคีทุกคน
ด้วยประการฉะนี้ เราจึงได้รู้ว่า อะไรคือสิ่งที่เราต้องทำในฐานะที่เราเป็นมุสลิม ดังนั้น มีใครที่จะตอบรับบ้าง ?
ขอเอกองค์อัลลอฮฺ ทรงค้ำจุนศาสนาของพระองค์ และทำให้วาทะและบัญญัติของพระองค์นั้นสูงส่ง และขอพระองค์ทรงกำราบพวกรอฟิเฎาะฮฺและผู้ช่วยเหลือของพวกเขา ขอพระองค์ทรงทำให้พวกเขาเป็นสินสงครามแก่ชนมุสลิม

وصلى الله على نبينا محمد وعلى آله وصحبه وسلم ،
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

รวบรวมและเรียบเรียง
บ่าวผู้ขัดสนต่อการอภัยแห่งองค์อภิบาล
อับดุลลอฮฺ บิน มุหัมมัด อัส สะลาฟีย์
ขออัลลอฮฺทรงอภัยให้เขา บิดามารดาของเขา และชนมุสลิมทุกคน
                                                                               



1.      ฟะตาวา โดย ชัยคุลอิสลาม อิบนุ ตัยมียะฮฺ
2.      มินฮาจ อัสสุนนะห์ โดย เชค อิบนุ ตัยมียะฮฺ
3.      อัลมิลัล วันนิหัล โดย อัชชะฮฺริสตานีย์
4.      อัลฟัรกุ บัยนา อัลฟิร็อก โดย อัล บัฆดาดีย์
5.      มะกอลาต อัลอิสลามิยีน โดย อัล อัชอะรีย์

Ø หนังสือที่เขียนยุคปัจจุบัน
1.   หนังสือของท่าน เชค อิห์สาน อิลาฮี ซอฮีร
2.   มัสอะละฮฺ อัตตักรีบ โดย เชค ดร. นาศิร อัลกอฟาซีย์
3.   อุศูล มัซฮับ ชีอะฮฺ อัลอิษนา อะชาริยะฮฺ
      โดย เชค ดร. นาศิร อัลกอฟาซีย์
4.   หนังสือของท่าน เชค มุหัมมัด มาลุลลอฮฺ
5.   บัซลุล อัลมัญฮูด ฟี มุชาบะฮะฮฺ อัรรอฟิเฏาะห์ ลิล ยะฮูด โดย อัลดุลลอฮฺ อัลญะมีลีย์
6.   หัตตา ลา นันคอดิอฺ โดย อับดุลลอฮฺ บิน อับดุลอาซีซ
7.   อัชชีอะฮฺ อัสอิษนา อะชารียะฮฺ วา ตักฟีรุฮุม ลิ อุมูม อัลมุสลิมีน โดย อับดุลลอฮฺ อัส สะลาฟีย์
8.   มัน กอตะลา หุเสน โดย อับดุลลอฮฺ บิน อับดุลอะซีซ
9.   อัลบูรฮาน ฟี ตับรีอะฮฺ อบี ฮุร็อยเราะฮฺ
10. อัล อินติศอร์ ลิศศุหุบ วัลอาล โดย ดร. อิบรอฮีม อัรรุหัยลีย์
11. กัชฟุ อัลญานีย์ มุหัมมัด อัตตีญานีย์ โดย เชค อุษมาน อัลคอมีส
12. บัล ฏอลัลตา ฟี ร็อด อบาตีล อัตตัยญานีย์
13. มะอา อัลอิษนัย อะชารียะฮฺ ฟี อัลอุศูล วา อัลฟุรูอฺ
โดย ดร. อาลี อีสสาลูส
14. ตัดดีด อัซซอลาม วะตันบีฮฺ อันนิยาม อะลา คอตฺริ อัตตัชยีอฺ อะลา อัสมุสลิมีน วา อัลอิสลาม โดย เชค สุลัยมาน อัลญับฮาน

และหนังสืออื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึงเป็นตัวอย่าง ณ ที่นี้


1. เว็ปไซต์ ปกป้องสุนนะห์
2. เว็ปไซต์ ไฟศอล นูร
3. เว็ปไซต์ อัลบูรฮาน
4. เว็ปไซต์ มุฮ์ตะดูน
5. ธาตุแท้ของโคมัยนี
6.ธาตุแท้ของชีอะฮฺรอฟิเฏาะฮฺ
7. เว็ปไซต์ อัล บัยยินะฮฺ
8. เว็ปไซต์ อันศอร์ อัล หุเสน
9. เว็ปไซต์ อัลมันฮัจ
10.สันนิบาตชาวสุนนีย์ในอิราน
11. เว็ปไซต์ อิมาม มะฮฺดี


[1] ดู มินฮาจ อัสสุนนะห์ โดย เชค อิบนุ ตัยมียะฮฺ (3/360)

ดุอาสองเจว็ดแห่งเผ่ากุเรช

ดุอาสองเจว็ดแห่งเผ่ากุเรช

คนที่พวกเขาหมายถึงก็คือ ท่านอบู บักร และอุมัร            รอฎิยัลลอฮุอันฮุมา

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปราณียิ่งเสมอ ขอพระองค์ทรงศอลาวาตต่อมุหัมมัดและครอบครัวของท่าน ขอพระองค์ทรงสาปแช่งสองเจว็ดแห่งเผ่ากุเรช ผู้เป็นพ่อมด มารร้าย จอมโกหก และลูกสาวของทั้งสอง ซึ่งทั้งสองได้ขัดขืนคำสั่งของพระองค์ ปฏิเสธโองการของพระองค์ ขัดการประทานของพระองค์ ทรยศศาสดาของพระองค์ เปลี่ยนแปลงศาสนาของพระองค์ แก้ไขคัมภีร์ของพระองค์ รักศัตรูของพรองค์ ขัดคุณความดีของพระองค์ ทำลายบัญญัติของพระองค์ ยกเลิกกำหนดของพระองค์ เบี่ยงเบนโองการของพระองค์ ทำร้ายผู้ใกล้ชิดพระองค์ ใกล้ชิดอริของพระองค์ ก่อสงครามในแผ่นดินของพระองค์ และสร้างความหายนะให้กับบ่าวของพระองค์
โอ้ องค์เจ้า ขอทรงสาปแช่งเขาทั้งสอง ผู้ติดตาม ผู้ใกล้ชิด ผู้ช่วยเหลือ และผู้รักใคร่ทั้งสอง ขอสาบานแท้จริง พวกเขาทั้งสองได้ทำลายบ้านแห่งนบี ทั้งประตูและหลังคาที่ปกปิด พวกเขาได้ทำลายความสูงส่งเทียมฟ้าจนราบเรียบเท่าแผ่นดิน จากที่สูงกลายเป็นที่ต่ำ จากด้านหน้ากลายเป็นด้านหลัง พวกเขาได้กำจัดครอบครัวของท่าน และผู้ช่วยของท่าน ได้สังหารลูกหลานของท่าน ได้ปลดผู้สืบทอดและผู้รับความรู้ของท่านออกจากบัลลังก์ ได้กั้นเขาจากการเป็นผู้นำ พวกเขาทั้งสองได้ตั้งภาคีอับองค์อภิบาลของพวกเขา ดังนั้นขอจงทำให้เขาทั้งสองได้รับบาปมหันต์ จงกักพวกเขาในสะก๊อร ตลอดกาล    สะก๊อร นั่นคืออะไรเล่า คือไฟที่กัดกินไม่ให้เหลือและไม่ทิ้งซาก
โอ้ องค์อภิบาล ขอทรงสาปแช่งพวกเขา ด้วยจำนวนความผิดที่พวกเขากระทำ สิทธิที่พวกเขาปกปิด บัลลังก์ที่พวกเขาครองมัน ผู้ศรัทธาที่พวกเขาเว้นห่าง มุนาฟิกที่พวกเขาใกล้ชิด วะลีที่พวกเขาทำร้าย คนผิดที่พวกเขานำเข้าใกล้ ผู้ซื่อสัตย์ที่พวกเขาไสส่ง กาฟิรที่พวกเขาค้ำจุน ผู้นำที่พวกเขาทารุณ บัญญัติที่พวกเขาดัดแปลง หลักฐานที่พวกเขาปฏิเสธ ความชั่วที่พวกเขานำมาใช้ เลือดที่พวกเขาได้หลั่ง ความดีที่พวกเขาเปลี่ยนมัน การปฏิเสธที่พวกเขาให้ท้าย ความเท็จที่พวกเขาโป้ปด มรดกที่พวกเขายึดไว้ ทรัพย์หลวงที่พวกเขาริบออม สมบัติหะรอมที่พวกเขากินมัน สินสงครามที่พวกเขาเอามาใช้ ความไม่ถูกต้องที่พวกเขาก่อมันขึ้น อธรรมที่พวกเขาปูมัน ความสับปลับที่พวกเขาตั้งมันขึ้นชัน ความทรยศที่พวกเขาซ่อนเร้น ความอยุติธรรมที่พวกเขาแพร่กระจาย สัญญาที่พวกเขาละเลย อะมานะห์ที่พวกเขาปล่อยปะ ปฏิญาณที่พวกเขาทำลาย หะลาลที่พวกเขาทำให้หะรอม หะรอมที่พวกเขาทำให้หะลาล ท้องไส้ที่พวกเขาผ่ามัน ทารกที่พวกเขาทำให้ตกแท้ง กระดูกที่พวกเขาทำให้หัก หนังสือที่พวกเขาฉีกทั้ง ความสามัคคีที่พวกเขาทำให้แตก คนมีเกียรติที่พวกเขาบั่นทอน คนจรจัดที่พวกเขายกย่อง ความจริงที่พกวเขาปิดกั้น ความเท็จที่พวกเขาเติมแต่ง บทบัญญัติที่พวกเขากระด้างกระเดื่อง อิมามที่พวกเขาไม่เชื่อฟัง
โอ้องค์อภิบาล ขอทรงสาปแช่งพวกเขาด้วยจำนวนโองการที่พวกเขาแก้ไข กฏเกณฑ์ที่พวกเขาปล่อยทิ้ง แนวทางที่พวกเขาเปลี่ยนแปลง บัญญัติที่พวกเขาละเลย ระเบียบที่พวกเขาตัดทิ้ง พินัยกรรมที่พวกเขาดัดแปลง คำสั่งที่พวกเขาละเลย ปฏิญาณที่พวกเขาทำลาย สักขีที่พวกเขาปกปิด คำอ้างที่พวกเขาลบล้าง ความชัดเจนที่พวกเขาปฏิเสธ อุบายที่พวกเขาคิดขึ้น การทรยศที่พวกเขาใช้มัน อุปสรรคที่พวกเขาตั้งไว้ พาหะรบที่พวกเขากลิ้งมัน เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่
โอ้องค์อภิบาล ขอทรงสาปแช่งพวกเขา ทั้งในที่ลับอันมืดมิดและเปิดเผยอันโจ่งแจ้ง ด้วยการสาปแช่งอันนับไม่ถ้วน ตลอดกาลตลอดไป นิรันดร ไม่มีขาดทุกจำนวน ไม่มีหมดในกาลเวลา การสาปแช่งที่ติดแต่เริ่มต้น และไม่ขาดจนสุดท้าย แช่งพวกเขา ผู้ช่วยและค้ำจุนพวกเขา ผู้รักใคร่ และใกล้ชิดพวกเขา ผู้ที่ยอมภักดีพวกเขา และขอจากพวกเขา ผู้ที่เปล่งเสียงด้วยการอ้างของพวกเขา ผู้ที่ลุกขึ้นด้วยปีกของพวกเขา ผู้ที่ประพฤติตามคำพูดของพวกเขา ผู้ที่เชื่อในการกำหนดของพวกเขา
(ให้กล่าวสี่ครั้ง) โอ้องค์อัลลอฮฺ ขอทรงทรมานพวกเขา ด้วยการทรมานที่ชาวนรกวิงวอนให้ปลอดพ้นจากมัน อามีน โอ้ องค์อภิบาลแห่งสากลโลก
(จงกล่าวสี่ครั้ง) โอ้ องค์อัลลอฮฺ ขอทรงสาปแช่งพวกเขาทั้งหมด ของทรงศอลาวาตต่อมุหัมมัดและครอบครัวของมุหัมมัด จงทำให้ข้าพระองค์พอเพียงด้วยสิ่งหะลาลจากสิ่งที่หะรอม ทรงทำให้ข้าพระองค์ปลอดจากความยากจน โอ้องค์เจ้า ข้าพระองค์ได้ทำผิดและทำร้ายตัวของข้าพระองค์เอง ข้าพระองค์ได้สำนึกในบาป ณ เบื้องหน้าของพระองค์แล้ว ดังนั้นขอพระองค์ประทานความโปรดปรานแก่ตัวข้าพระองค์ด้วยเถิด พระองค์มีสิทธิที่จะกล่าวโทษซึ่งข้าพระองค์ไม่ขอหลีกเลี่ยง ถ้าข้าพระองค์ทำอีก ขอพระองค์ได้อภัยให้อีก ด้วยความประเสริฐ ความดี การอภัยโทษและเกียรติของพระองค์ โอ้ องค์ผู้ทรงเมตตาที่สุด ขออัลลอฮฺทรงศอลาวาตแก่ผู้นำเหล่าศาสนทูต ผู้เป็นนบีคนสุดท้าย แก่บรรดาลูกหลานอันประเสริฐบริสุทธิ์ ด้วยความเมตตาของพระองค์ โอ้ องค์ผู้ทรงปราณียิ่ง [1]

*****


[1] ดู มิฟตาห์ อัลญะนาน  ของ อับบาส อัลกุมมีย์  หน้า 114

แผ่นกระดานของฟาติมะห์ ตามคำอ้าง

แผ่นกระดานของฟาติมะห์ ตามคำอ้าง

นี่คือคัมภีร์จากองค์อัลลอฮฺ ผู้ทรงเกรียงไกรและปรีชายิ่งถึง       มุหัมหมัด ผู้เป็นนบีของพระองค์ เป็นรัศมีของพระองค์ เป็นทูต เป็นผ้าม่าน เป็นผู้ชี้ทาง ซึ่งนำลงมาโดยวิญญาณอันซื่อสัตย์ จากเบื้องบน ณ องค์อภิบาลแห่งสากลโลก โอ้ มุหัมหมัด จงเชิดชูนามของข้า จงขอบคุณต่อคุณของข้า และอย่าได้ขัดต่อความดีของข้า แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้านอกจากข้า ผู้หักล้างเหล่าผู้อหังการ ผู้ช่วยเหลือคนที่ถูกทารุณ และผู้เป็นเจ้าหนี้แก่หนี้คุณทั้งหมด แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้านอกจากข้า ดังนั้นผู้ใดที่ปรารถนานอกเหนือจากความประเสริฐของข้า หรือเกรงต่อความยุติธรรมของผู้อื่นนอกเหนือจากข้า แน่นอนข้าต้องทรมานเขาด้วยการทรมานที่ข้าไม่เคยทรมานผู้ใดเลยในสากลโลก ดังนั้นจงมอบความภักดีต่อข้าเท่านั้น และจงพึ่งข้าเพียงผู้เดียว แท้จริงข้าจะไม่ส่งนบีผู้ใดผู้หนึ่งแล้วข้าก็ทำให้ช่วงเวลานั้นสมบูรณ์ จนชีวิตของเขาล่วงลับ นอกเสียจากข้าได้กำหนดผู้สืบทอดต่อจากเขา และแท้จริงข้าได้มอบความประเสริฐให้แก่เจ้าเหนือบรรดาบนีทั้งหมด และได้ให้ความประเสริฐแก่ผู้สืบทอดของเจ้าเหนือผู้สืบทอดทั้งหมด และข้าได้ให้เกียรติเจ้าด้วยราชสีห์ผู้เป็นหลานของเจ้าสองคน คือ หะสัน และหุเสน และข้าได้ทำให้หะสันเป็นคลังแห่งความรู้ของข้า หลังจากบิดาของเขา และได้ทำให้หุเสนเป็นคลังแห่งโองการของข้า และได้มอบเกียรติแห่งการพลีชีพ และบั้นปลายแห่งความสุข เขาจึงเป็นชะฮีดที่เลิศที่สุด และสูงศักดิ์ที่สุดในหมู่ผู้พลีชีพ ข้าได้กำหนดให้วาจาอันสมบูรณ์อยู่กับเขา รวมทั้งหลักฐานอันแน่นหนักอีกเช่นเดียวกัน ด้วยลูกหลานของเขา ข้าจะแทนบุญและคาดโทษ ผู้แรกคือ อาลี ผู้นำแห่งมวลผู้เคารพภักดี และเครื่องประดับเหล่า วะลีของข้าที่ผ่านๆ มา และบุตรของเขาผู้คล้ายกับปู่ของเขา      มุหัมมัด อัลบากิร ซึ่งเป็นวิทยะแห่งข้าและคลังแห่งความปรีชาแห่งข้า ผู้ที่ไม่มั่นใจในญะฟัร จะล้มละลายสิ้น ผู้ที่ต้านเขาก็เหมือนผู้ต่อต้านข้า เป็นคำมั่นสำหรับข้าที่ต้องให้เกียรติญะฟัรและให้ความปลาบปลื้มแก่เขาด้วยบรรดาผู้ติดตาม ผู้ช่วยเหลือและผู้ใกล้ชิด ด้วยผู้ช่วยของเขา มูซา ฟิตนะห์อันมืดมิดจะถูกลบล้าง เพราะสายเชือกแห่งการกำหนดของข้ายังไม่ขาด และหลักฐานของข้าไม่ได้หาย และบรรดาผู้ใกล้ชิดของข้าได้ดื่มด้วยจอกที่เปี่ยมน้ำ ผู้ใดทีขัดใครคนหนึ่งในหมู่พวกเขา แน่แท้เขาได้ขัดการประทานของข้า และผู้ใดที่เปลี่ยนแปลงโองการหนึ่งในคัมภีร์ของข้า แน่แท้เขาได้กล่าวอ้างคำโกหกต่อข้า ความหายนะจงมีแด่ผู้ที่ปั้นแต่งและต่อต้านหลังช่วงสมัยของมูซา ผู้เป็นบ่าวที่ข้ารักและข้าเลือกให้อลี ผู้เป็นวะลีของข้า ผู้ช่วยข้า (...)[1] ข้าได้ทดสอบเขาให้เป็นผู้ที่มีพลังในการเป็น นบี คนที่สังหารเขาคือปีศาจผู้เย่อหยิ่ง เขาถูกฝัง ณ เมืองที่สร้างขึ้นโดยบ่าวผู้ภักดี ใกล้ๆ กับผู้ที่ชั่วร้ายที่สุด เป็นคำมั่นของข้าที่ต้องสั่งเขาด้วยลูกของเขามุหัมมัดผู้เป็นคนสืบทอดการปกครองและความรู้หลังจากเขา ดังนั้นเขาจึงเป็นคลังแห่งความรู้ของข้า เป็นแหล่งความลับของข้า เป็นสักขีพยานแก่ข้าต่อสรรพสิ่งทั้งหมด ไม่มีบ่าวผู้ใดที่ศรัทธาในเขา นอกเสียจากข้าต้องให้สวรรค์แก่เขาและให้ความช่วยเหลือครอบครัวของเขาเจ็ดสิบคนที่ต้องลงนรก และข้าจะมอบบั้นปลายอันเป็นสุขแก่ลูกของเขา อาลี ผู้เป็นผู้ใกล้ชิดและผู้ช่วยเหลือข้า เป็นสักขีต่อสรรพสิ่งของข้า และเป็นผู้รักษาโองการของข้า ข้าจะให้กำเนิดจากเขาซึ่งผู้เผยแพร่ไปยังเส้นทางของข้า ผู้เป็นคลังแห่งความรู้ข้าที่ดี และข้าจะทำให้สมบูรณ์ด้วยบุตรของเขา (...) [2] เป็นความเมตตาแก่สรรพสิ่งในสากลโลกที่สมบูรณ์ดั่งมูซา งดงามดั่งอีซา อดทนเช่นอัยยูบ ดังนั้นเหล่าผู้ใกล้ชิดข้าในสมัยของเขาจะนอบน้อม หัวของพวกเขาจะสยบด้วยความภักดี เช่นที่พวกเติรก์และอัล ดัยลัม จะยอมสยบ ดังนั้นพวกเขาจะถูกสังหาร ถูกเผา และอยู่ในความกลัว และหวาดเกรง แผ่นดินจะนองด้วยเลือดของพวกเขา ความหายนะแผ่กระจายยังสตรีของพวกเขา นั่นคือวะลีของข้าที่แท้จริง ด้วยพวกเขาข้าจะปัดเป่าฟิตนะห์ที่มืดมิด ด้วยพวกเขาข้าจะคลายวิบัติ พันธนาการ และโซ่ตรวน พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับการศอลาวาต จากผู้ภิบาลพวกเขาและความเมตตาของพระองค์  พวกเขาคือผู้ที่ได้รับการชี้นำ
อับดุรเราะห์มาน บิน สาลิม กล่าวว่า : อบู บุซัยร์ ได้พูดว่า : ถ้าในชีวิตท่าน ท่านไม่ได้ฟังนอกจากคำพูดนี้ย่อมต้องพอเพียงแล้ว ดังนั้นจงรักษามันยกเว้นจากผู้เป็นเจ้าของมัน [3] *



[1] จุดในวงเล็บเป็นคำที่ผู้เขียนไม่สามารถนำลงหนังสือได้เพราะไม่ชัดเจน
[2] จุดในวงเล็บเป็นคำที่ไม่ชัดอีกเช่นกัน
[3] ดู อัลกาฟีย์ ของ อัล กุลัยนีย์ (1/527) และอัลวาฟี  ของ อัล ฟัยฎ์ อัล กาชานี เล่มหนึ่ง (2/72) และอิกมาล อัดดีน ของ อิบนุ บาบะวัยห์ อัล กุมมีย์ หน้า 301-304 และอิอฺลาม อัลวะรอ ของ อบู อาลี ตัต ตอบรอซีย์ หน้า 152
*  รอฟิเฎาะฮฺอ้างแผ่นกระดานของฟาติมะห์ คือโองการที่ญิบรีลนำลงมาแก่ฟาติมะห์หลังจากท่านนบีเสียชีวิต และอาลีได้นั่งฟังโองการเหล่านี้ (ดู อัลกาฟีย์  เล่ม 1 หน้า 240-241) และนี่เป็นการปั้นแต่งและการโกหกที่ร้ายแรง เพราะวะห์ยูหรือการประทานโองการได้จบลงหลังจากที่ท่านนบีเสียชีวิต อย่างไรก็ตามพวกเขาถือว่าแผ่นกระดานนี้เป็นเหมือนอัลกรุอานในความเชื่อของชีอะฮฺ

สูเราะฮฺ อัล วิลายะห์ ตามความเชื่อของ รอฟิเฎาะฮฺ

สูเราะฮฺ อัล วิลายะห์ ตามความเชื่อของ รอฟิเฎาะฮฺ

นำมาจากหนังสือ ฟัศลุ อัลคิตอบ 

โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา จงศรัทธาต่อสองรัศมีที่เราได้ประทานลงมา ซึ่งทั้งสองได้อ่านโองการของเราแก่พวกเจ้า ทั้งยังได้เตือนพวกเจ้าถึงการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่ * รัศมีสองประกาย อันหนึ่งมาจากอีกอันหนึ่ง และข้าเป็นผู้ที่รับฟังและรับรู้ยิ่ง * แท้จริงผู้ที่ปฏิบัติตามศาสดาในโองการ พวกเขาจะได้รับสวรรค์ที่เต็มด้วยความสุข * และผู้ที่ปฏิเสธหลังจากได้ศรัทธาแล้ว ด้วยการทรยศต่อคำปฏิญาณ และสัญญาที่ได้ให้ไว้กับศาสดา พวกเขาจะถูกโยนลงไปในไฟแห่งการทรมาน * พวกเขาทำร้ายตัวพวกเขาเอง และขัดขืนผู้สืบทอดของศาสดา พวกเขาจึงถูกรดด้วยน้ำร้อนแห่งนรก * แท้จริงอัลลอฮฺผู้ทรงทำให้ชั้นฟ้าและแผ่นดินเจิดจรัสด้วยความประสงค์แห่งพระองค์ และทรงเลือกบรรดา มลาอิกะฮฺ และทรงสร้างในบรรดาผู้ศรัทธา พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในการสร้างของพระองค์ด้วยพระประสงค์ทั้งสิ้น ไม่มีพระเจ้านอกจากองค์ผู้ทรงเมตตาปราณียิ่ง * แท้จริงคนรุ่นก่อนได้คิดร้ายต่อศาสดาของพวกเขา ดังนั้นอัลลอฮฺจึงทรงจัดการกับแผนร้ายของพวกเขา แท้จริงการจัดการของข้าย่อมหนักและเจ็บปวด * แท้จริงอัลลอฮฺได้ทำลาย อาด และ ษะมูด ด้วยสิ่งที่พวกเขาก่อ และได้ทำให้เรื่องของพวกเขาเป็นบทเรียนแก่พวกเจ้า ไฉนเจ้าจึงไม่ทบทวน * เช่นเดียวกับ ฟิรเอาน์ ด้วยการที่ได้ก่อกรรมกับมูซาและฮารูน ข้าได้จมเขาและผู้ติดตามเขาทุกคน * เพื่อที่จะเป็นเครื่องหมายให้พวกเจ้า และแท้จริงพวกเจ้าส่วนใหญ่นั้นกลับประพฤติร้าย * แท้จริง อัลลอฮฺ จะทรงรวบรวมพวกเขา ในวันแห่งการรวม ดังนั้นพวกเขาจะไม่สามารถตอบได้เมื่อถูกสอบสวน * แท้จริงนรกนั้นคือที่พำนักของพวกเขา และอัลลอฮฺทรงรอบรู้และปรีชายิ่ง * โอ้ ผู้เป็นรสูล จงบอกคำเตือนของข้าเพื่อพวกเขาจะได้รู้ * พวกที่ออกห่างจากโองการและบัญญัติของข้า ย่อมขาดทุน * เช่นเดียวกันกับผู้ที่รักษาสัญญาของเจ้า เพราะฉันจะตอบแทนพวกเขาด้วยสวรรค์แห่งความสุข * แท้จริง อัลลอฮฺ เป็นผู้ที่ครอบครองการอภัยและการตอบแทนอันยิ่งใหญ่ * และแท้จริงอลีนั้น เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ยำเกรง * และแท้จริงเราจะคืนสิทธิของเขาทั้งหมดในวันแห่งการตอบแทน * เราไม่ได้เผลอต่อสิ่งที่เขาถูกทำโดยไม่เป็นธรรม * และเราได้ให้เกียรติแก่เขาเหนือครอบครัวเจ้าทั้งหมด เพราะแท้จริงเขาและลูกหลานของเขาเป็นผู้ที่อดกลั้นยิ่ง * และแท้จริงศัตรูของพวกเขา เป็นผู้นำของพวกผู้ร้าย * จงกล่าวแก่บรรดาผู้ปฏิเสธหลังจากการศรัทธา พวกเจ้าได้ขวนขวายการประดับประดาแห่งชีวิตโลก และได้รีบใช้มัน โดยลืมสิ่งที่อัลลอฮฺและ รสูลได้สัญญากับพวกเจ้า และยังทำลายคำมั่นหลังจากที่พวกเจ้าได้ปฏิญาณแล้ว และแท้จริงเราได้ยกการเปรียบเทียบให้พวกเจ้าแล้ว เผื่อพวกเจ้าจะได้รับการชี้นำ * โอ้ ผู้เป็นรสูล แน่นอนเราได้ประทานแก่เจ้า ซึ่งโองการที่ชัดแจ้งของเราแล้ว ในนั้นมีว่าผู้ใดที่ตายด้วยการศรัทธาและมอบความภักดีให้เขาหลังจากเจ้า ย่อมต้องเจิดจรัส * ดังนั้นจงห่างไกลจากพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นผู้ที่หันเหออกห่าง * แท้จริงเราจะเรียกพวกเขา * ในวันที่ไม่มีสิ่งใดช่วยพวกเขาได้ และพวกเขาจะไม่ได้รับความเมตตา * แท้จริงสำหรับพวกเขานั้น คือนรกโลกันตร์ที่เป็นแหล่งพำนัก พวกเขาหนีจากมันไม่พ้น * ดังนั้นจงกล่าวตัสบีหฺด้วยนามขององค์อภิบาลของเจ้า และจงอยู่ในหมู่ผู้กราบ * และแท้จริงเราได้ส่งมูซาและฮารูนด้วยสิ่งที่   มูซาได้มอบหมาย แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังฮารูน * ดังนั้นคือการอดทนที่ดีเลิศ จากนั้นเราได้ทำให้พวกเขามีที่เป็นลิง และหมู และเราได้สาปแช่งพวกเขาจนถึงวันที่พวกเขาฟื้น * ดังนั้น จงอดทนเพราะพวกเขาจะได้เห็น * และแท้จริงเราได้ประทานบัญญัติแก่เจ้า เหมือนบรรดาผู้ที่ผ่านมาในหมู่รสูล * และเราได้กำหนดให้เจ้ามีผู้สืบทอด เผื่อพวกเขาจะได้รับหวนกลับ * และผู้ใดที่หันเหจากคำสั่งของข้า ข้าจะกลับไปจัดการเขา ดังนั้นปล่อยพวกเขาให้เสพสุขกับการปฏิเสธเล็กน้อย และอย่าได้ถามถึงพวกที่ไม่รักษาสัญญา * โอ้ ผู้เป็น รสูล แท้จริงเราได้กำหนดให้มีคำมั่นบนไหล่ของผู้ศรัทธา ดังนั้นจงเอามัน และจงอยู่ในบรรดาผู้ขอบคุณ * แท้จริงอาลีนั้นเป็นผู้ที่นอบน้อม ยามกลางคืนได้น้อมสุญูด หวั่นเกรงอาคีรัต และปรารถนาในผลบุญแห่งพระเจ้า จงกล่าวเถิด เท่ากันหรือกับบรรดาผู้ที่อยุติธรรมทั้งๆ ที่พวกเขารู้ถึงการทรมานของข้า * เราจะผูกโซ่ตรวนที่คอของพวกเขา และพวกเขาจะเสียใจกับการกระทำนั้น * แท้จริงเราได้บอกข่าวดีแก่เจ้าด้วยลูกหลานที่ดีของเขา * และแท้จริงพวกเขาจะไม่ละเลยต่อคำสั่งของเรา * ดังนั้นศอลาวาตและความเมตตาของข้าเป็นของพวกเขา ทั้งที่มีชีวิตและเสียชีวิต ในวันแห่งการฟื้น * ผู้ที่ก่อกรรมกับพวกเขาหลังจากเจ้า จะได้รับความโกรธของข้า พวกเขาเป็นพวกที่ชั่วช้าและขาดทุน * และผู้ที่เดินตามเส้นทางของพวกเขาจะได้รับความเมตตาของฉัน พวกเขาจะได้อยู่ในห้องหับด้วยความสันติ * และการสรรเสริญทั้งมวลเป็นสิทธิแห่งองค์อภิบาลสากลจักรวาล [1]

*****

[1] คัดมาจาก ฟัศลุ อัลคิตอบ เพื่อให้ผู้อ่านได้ดูถึงการที่พวกเขาปฏิเสธดำรัสของอัลลอฮฺที่ได้สัญญาว่าได้ปกป้องอัลกุรอานจากการแก้ไข และการปลอมแปลง

อุลามาอ์รุ่นก่อนและรุ่นหลังมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรอฟิเฎาะฮฺ ?

อุลามาอ์รุ่นก่อนและรุ่นหลังมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรอฟิเฎาะฮฺ ?

อิบนุ ตัยมียะห์ ได้กล่าวว่า : เหล่าผู้รู้เกี่ยวกับสายรายงาน ได้มีความเห็นพ้องกันว่า พวกรอฟีเฎาะห์เป็นพวกที่โป้ปดที่สุด นิสัยโกหกในพวกเขามีมาตั้งแต่นมนาน ดังนั้นบรรดาผู้นำในอิสลามจึงยกให้พวกเขาเป็นพวกที่โกหกมากที่สุด
อัชฮับ บิน อับดุลอะซีซ ได้กล่าวว่า : มีคนถาม อิมาม มาลิก เกี่ยวกับรอฟิเฎาะฮฺ ท่านตอบว่า : จงอย่าพูดกับพวกเขา อย่าได้รายงานจากพวกเขา เพราะพวกเขาพูดปด ท่านยังกล่าวว่า : ผู้ที่ด่าทอเหล่าศอหาบะฮฺของท่านรสูล ไม่มีชื่อหรือฐานะของเขาในอิสลาม
ในดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า

 (مُحَمَّدٌ رَسُولُ اللَّهِ وَالَّذِينَ مَعَهُ أَشِدَّاءُ عَلَى الْكُفَّارِ رُحَمَاءُ بَيْنَهُمْ تَرَاهُمْ رُكَّعًا سُجَّدًا يَبْتَغُونَ فَضْلًا مِنَ اللَّهِ وَرِضْوَانًا سِيمَاهُمْ فِي وُجُوهِهِمْ مِنْ أَثَرِ السُّجُودِ ذَلِكَ مَثَلُهُمْ فِي التَّوْرَاةِ وَمَثَلُهُمْ فِي الْإِنْجِيلِ كَزَرْعٍ أَخْرَجَ شَطْأَهُ فَآَزَرَهُ فَاسْتَغْلَظَ فَاسْتَوَى عَلَى سُوقِهِ يُعْجِبُ الزُّرَّاعَ لِيَغِيظَ بِهِمُ الْكُفَّارَ وَعَدَ اللَّهُ الَّذِينَ آَمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ مِنْهُمْ مَغْفِرَةً وَأَجْرًا عَظِيمًا )

ความว่า : มุหัมหมัดนั้นคือรสูลของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ท่าน ล้วนเข้มแข็งกล้าหาญต่อพวกปฏิเสธ เป็นผู้ที่ปราณีระหว่างพวกเขา เจ้าจะเห็นพวกเขาเป็นผู้ที่ชอบก้มกราบ เพื่อแสวงหาความประเสริฐจากอัลลอฮฺ และความพอพระทัยจากพระองค์ สัญลักษณ์แห่งการสุญูดจะเห็นได้บนใบหน้าของพวกเขา นั่นคืออุปมาของพวกเขาในคัมภีร์เตารอต ส่วนอุปมาของพวกเขาในคัมภีร์อินญีลนั้น พวกเขาประหนึ่งเป็นเมล็ดพืชที่แตกกิ่งก้านออกมาได้งอกงาม จนเติบโตแข็งแรง และทรงตัวอยู่บนลำต้น ซึ่งนำความปลื้มปิติมาให้แก่ผู้หว่าน เพื่อที่จะสร้างความเคียดแค้นในหมู่ผู้ปฏิเสธการศรัทธา       
                                              [ อัล ฟัตห์ 48 : 29 ]

อิบนุ กะษีร ได้ให้การอธิบายโองการนี้ว่า : จากโองการนี้       อิมาม มาลิก ในสายรายงานหนึ่ง ได้มีความเห็นว่า พวกรอฟิเฎาะฮฺที่ชิงชังบรรดาศอหาบะฮฺนั้นก็คือพวกปฏิเสธที่ตกศาสนา เพราะพวกเขาเคียดแค้นศอหาบะฮฺ และผู้ใดที่โกรธแค้นศอหาบะฮฺ คนผู้นั้นก็คือกาฟิรตามโองการนี้
อัล กุรตุบีย์ กล่าวว่า : อิมาม มาลิก มีความคิดเห็นที่ดีและถูกต้องในการอธิบายโองการนี้ ผู้ใดที่บั่นทอนศอหาบะฮฺท่านใด หรือกล่าวหาพวกท่านในการรายงานและการเผยแพร่ แน่นอนคนผู้นั้นย่อมต้องเป็นผู้ที่ต่อสู้กับองค์อภิบาลแห่งสากลจักรวาล และไม่ยอมรับบัญญัติของชนมุสลิม [1]
อบู ฮาติม ได้กล่าวว่า : หัรมะละห์ ได้เล่าให้เราฟังว่า : ฉันได้ฟัง อิมาม ชาฟีอีย์  กล่าวว่า : ฉันไม่เคยพบผู้ใดที่ประจักษ์ในการโป้ปดมากกว่ารอฟิเฎาะฮฺ
มุอัมมัล บิน อะฮาบ กล่าวว่า : ฉันได้ฟัง ยาซีด บิน ฮารูน กล่าวว่า : สามารถที่จะบันทึกจากผู้ที่ทำบิดอะห์ได้ทุกคน ถ้าเขาไม่ใช่ผู้ที่เชิญชวนสู่การเป็นรอฟิเฎาะฮฺ เพราะคนพวกนี้โกหก
มุหัมมัด บิน ซะอีด อัล อัศบะฮานีย์ ได้เล่าว่า : ฉันได้ฟัง ชะรีก บิน อับดุลลอฮฺ  (ผู้เป็นผู้พิพากษาแห่งกูฟะห์) กล่าวว่า : จงรับความรู้จากทุกคนที่ท่านเจอยกเว้นรอฟิเฎาะฮฺ เพราะพวกเขาปั้นแต่งหะดีษ และถือว่านั่นเป็นศาสนา
มุอาวิยะห์ ได้เล่าว่า : ฉันได้ฟัง อัล อะมัช กล่าวว่า : ผู้คนมากมายที่ฉันได้พบ ไม่ได้เรียกพวกเขาด้วยชื่อใดเลยนอกจากชื่อ จอมโกหก
คนที่ท่านหมายถึงก็คือ พรรคพวกของอัล มุฆีเราะฮฺ บิน สะอีด ผู้เป็นรอฟิเฎาะฮฺ ดังที่อัซ ซะฮาบีย์ ได้กล่าวไว้ [2]
อิบนุ ตัยมียะห์ ได้ให้ข้อสังเกตต่อคำพูดเหล่านี้ว่า : ส่วนรอฟิเฎาะฮฺนั้น ต้นตอของมันมาจากการต่อต้านความจริง หันเห และจงใจ การโกหกเป็นสิ่งที่มีอยู่มากในพวกเขา พวกเขาเองยอมรับในสิ่งนี้ ด้วยการกล่าวว่า การเสแสร้งคือศาสนาของพวกเรา นั่นคือการที่ผู้ใดผู้หนึ่งพูดในสิ่งที่ขัดกับความในใจ และนี่คือการโป้ปดและสับปลับ(นิฟาก) พวกเขาจึงเป็นเหมือนคำเปรยที่ว่า : มันใส่พิษให้ฉัน จนค่อยๆ แผ่ทั่ว [3]
อัลดุลลอฮฺ บิน อะห์มัด บิน ฮันบัล ได้เล่าว่า ฉันได้ถามบิดาของฉันถึงพวกรอฟิเฎาะฮฺ  ท่านตอบว่า : พวกเขาคือพวกที่ด่าทอ และสาปแช่งอบู บักร และอุมัร ท่านยังถูกถามถึง อบู บักร และอุมัรด้วย ท่านตอบว่า : จงกล่าวดุอาและขอความเมตตาให้กับทั้งสอง และจงห่างไกลจากพวกที่เกลียดชังคนทั้งสอง [4]
อัล คอลฺลาล ได้รายงานจาก อบูบักร อัลมิรวาซีย์ ว่าท่านได้ถาม อบู อับดิลลาฮฺ (หมายถึง อิมามอะห์มัด) ถึงผู้ที่ด่าทอ อบูบักร อุมัร และอาอิชะฮฺ ท่านตอบว่า : ฉันไม่เห็นว่าเขาเป็นมุสลิม [5]
จาก อัล คอลลาล อีกเช่นกัน เล่าว่า ฮัรบฺ บิน อิสมาอีล อัล กัรมานีย์ ได้เล่าให้ฉันฟังจาก มูซา บิน ฮารูน บิน  ซิยาด ว่า :  ฉันได้เห็นชายคนหนึ่งถาม อัล ฟิรยาบี ถึงผู้ที่ด่าทอ อบู บักร ท่านตอบว่า : เขาเป็นกาฟิร คนผู้นั้นถามต่อว่า : เราละหมาดศพเขาได้ไหม ? ท่านตอบว่า : ไม่ได้ [6]
ครั้งหนึ่ง อิบนุ หัซมี  ได้โต้เถียงกับชาวคริสต์ คนผู้นั้นได้นำหนังสือของพวกรอฟิเฎาะฮฺมาโต้แย้งท่าน ท่านกล่าวว่า : แท้จริงรอฟิเฎาะฮฺไม่ใช่มุสลิม คำพูดของพวกเขาไม่ใช่หลักฐานที่อ้างอิงได้ แต่พวกเขาคือคนพวกหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังการเสียชีวิตของท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม ถึง 25 ปี การเริ่มต้นของพวกเขาก็คือ ตอบรับคำเชิญชวนของผู้ที่ต้องการทำลายอิสลาม พวกเขาเป็นชนที่เหมือนยิวและคริสต์ ในการบอกปัดและปฏิเสธการศรัทธา [7]
อบู ซุรอะฮฺ  อัรรอซีย์ ได้กล่าวว่า : ถ้าเมื่อใดท่านเห็นใครบั่นทอนเกียรติของศอหาบะฮฺผู้ใดผู้หนึ่ง จงรับรู้เถิดว่า เขาผู้นั้นคือผู้ที่หันเหและปฏิเสธความถูกต้องยิ่งนัก
มีคำถามมาถึง องค์กรเพื่อการออกฟัตวาแห่งอาณาจักรซาอุดิอารเบีย ว่า ผู้ถามและพรรคพวกอาศัยอยู่บริเวณเขตแดนทางด้านเหนือที่ติดต่อกับอิรัก และมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกกันว่า ญะฟารียะห์ มีบางคนที่กินสัตว์เชือดของพวกเขา และมีบางคนที่ไม่กิน คำถามก็คือ เราสามารถที่จะกินสัตว์เชือดของพวกเขาได้หรือไม่ ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าพวกเขากระทำการขอดุอาจากท่านอลี หะสัน, หุเสน และบรรดาผู้นำของพวกเขา ทั้งเวลาทุกข์และสุข ? ทางองค์กรซึ่งนำโดย ท่าน เชค อับดุลอาซีซ บิน อับดุลลอฮฺ บิน บาซ, เชค อับดุลรอซาก อาฟีฟี, เชค อับดุลลอฮฺ บิน ฆุดอยยาน และ เชค อัลดุลลอฮฺ บิน กออูด ได้ให้คำตอบว่า : การสรรเสริญเป็นสิทธิแห่งอัลลอฮฺ และขอศอละวาตรวมทั้งสลามแก่ท่านรสูล บรรดาครอบครัว และศอหาบฮฺของท่าน คำตอบก็คือ ถ้าการเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาต้องเป็นผู้ตั้งภาคี และตกศาสนา ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองเรา- เราไม่สามารถที่จะกินสัตว์เชือดของพวกเขาได้ เพราะมันเป็นซากสัตว์ ถึงแม้พวกเขาจะกล่าวนามของอัลลอฮฺก็ตาม [8]
ได้มีคำถามถึงเชค อับดุลลอฮฺ บิน อัล ญับรีน ว่า : ในเมืองของเรามีชายผู้หนึ่งเป็นรอฟิเฎาะฮฺทำงานเป็นนักเชือดสัตว์ และมีชาวสุนนีย์ที่นำสัตว์ไปเชือดกับเขา อีกทั้งมีร้านอาหารอีกหลายร้านที่รับเนื้อมาจากเขา และยังมีรอฟิเฏาะฮฺอีกหลายคนที่ยึดอาชีพนี้เหมือนเขาคนนั้น คำถามก็คือ เราควรจะทำอย่างไร และสัตว์เชือดของเขาเป็นที่หะลาลหรือหะรอม? ขออัลลอฮฺทรงประทานเตาฟิก
ท่านตอบว่า : การเชือดและสัตว์เชือดของรอฟิเฎาะฮฺไม่เป็นที่หะลาล เพราะรอฟิเฎาะฮฺ ส่วนใหญ่เป็นมุชริก (ผู้ตั้งภาคี) ด้วยการขอดุอาจากอาลี บิน อบี ตอลิบ  ทั้งยามทุกข์และสุข แม้กระทั่ง ในทุ่งอารอฟะห์ ในตอวาฟ และเดินซะแอ ระหว่างศอฟา และมัรวะห์ อีกทั้งยังขอจากลูกๆ ของท่าน และบรรดาอิมามของพวกเขา เหมือนที่เราเคยได้ยินบ่อยครั้ง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการตั้งภาคีที่ใหญ่หลวงและเป็นการตกมุรตัด ออกจากศาสนาอิสลาม สมควรที่ต้องโทษประหารเพราะเหตุดังกล่าว
เช่นเดียวกับที่พวกเขามีความเชื่อเลยเถิดต่อท่านอาลี และให้คุณลักษณะที่ไม่ควรให้นอกจากกับองค์อัลลอฮฺเท่านั้น ดังที่เราเห็นในวันอารอฟะห์ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเป็นพวกที่ตกศาสนา เพราะได้ถือว่าอาลี เป็นผู้อภิบาลและผู้สร้าง ที่มีสิทธิในจักรวาล รู้ความลับทั้งหมด มีสิทธิในสิ่งดีและสิ่งชั่วร้าย
อีกทั้งพวกเขายังกล่าวหาในความบริสุทธิ์ของอัลกุรอาน กล่าวหาว่าศอหาบะฮฺได้ปั้นแต่งแก้ไขมัน และยังลบหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวกับอะฮฺลิลบัยต์และศัตรูของพวกเขาทิ้ง พวกเขาจึงไม่ติดตามศอหาบะฮฺ และไม่ถือว่าเป็นหลักฐานในการยึดมั่น
พวกเขายังกล่าวหาบรรดาศอหาบะฮฺชั้นผู้ใหญ่ เช่น คอลีฟะห์ทั้งสาม และผู้ที่ได้รับการประกันสวรรค์ทั้งสิบคนที่เหลือ รวมทั้งอุมมะฮาตุลมุมินีน(บรรดาภริยาของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม) ศอหาบะฮฺผู้มีชื่อ เช่น อะนัส, ญาบิร,อบู ฮุรอยเราะห์ โดยที่พวกเขาไม่รับการรายงานจากคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาถือว่าทั้งหมดเป็นกาฟิร พวกเขาไม่รับหะดีษที่รายงานโดย       บุคอรีย์และมุสลิมซึ่งเป็นหะดีษศอฮีฮฺ นอกเสียจากรายงานที่มาจากอะห์ลิลบัยต์ พวกเขายึดกับหะดีษที่ถูกปั้นแต่งขึ้น หรือไม่มีหลักฐานในคำพูดของพวกเขา แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็โกหกและกล่าวด้วยคำพูดในสิ่งที่ขัดกับความในใจ พวกเขาซ่อนสิ่งที่พวกเขาไม่เปิดเผย พวกเขาใช้กฏว่า ใครไม่เสแสร้งก็ไม่มีศาสนาสำหรับเขา ดังนั้นอย่าได้ยอมรับการอ้างว่าเป็นพี่น้อง หรือความรักใคร่จากพวกเขา เพราะการสับปลับเป็นความเชื่อของพวกเขา ขออัลลอฮฺทรงปกป้องจากชั่วร้ายของพวกเขา ขออัลลอฮฺทรงประทานศอลาวาตและสลามแก่ท่านรสูล บรรดาครอบครัว และศอหาบะฮฺของท่าน [9]

*****


[1] ดู อุศูล มัซฮับ อัชชีอะฮฺ อัลอิมามียะฮฺ อัลอิษนัย อะชะรียะฮฺ  โดย ดร.นาศิร อัลกอฟารีย์ (3/1250)
[2] ดู มินฮาจ อัสสุนนะห์  ของ อิบนุ ตัยมียะห์ (1/59-60)
[3] ดู มินฮาจ อัสสุนนะห์  ของ อิบนุ ตัยมียะห์ (1/68)
[4] ดู อัลมะสาอิล วัรรอสาอิล อัลมัรวียะห์ อัน อัลอิมาม อะห์มัด                โดย อับดุลลอฮฺ  บิน อะห์มัด บิน ฮันบัล (2/357)
[5] ดู อัสสุนนะห์ ของ อัล คอลลาล (3/493) และนี่เป็นคำพูดที่ชัดแจ้งจาก      อิมาม อะห์มัด ว่ารอฟิเฎาะฮฺเป็นกาฟิร
[6] หนังสือเล่มเดียวกัน (3/499)
[7] ดู อัลฟัศลุ ฟี อัลมิลัล วันนะห์  โดย อิบนุ หัซมี (2/78)
[8] หนังสือรวมฟัตวาของ องค์กรเพื่อการออกฟัตวา เล่ม 2 หน้า 264
[9] เป็นคำตอบที่ท่านตอบเมื่อครั้งที่ถูกถามเรื่องรอฟิเฏาะฮฺในปี1414 ฮศ. สิ่งที่อยากทำความเข้าใจก็คือ มิใช่ท่านเชคผู้เดียวที่เห็นว่ารอฟิเฎาะฮฺเป็นกาฟิร  บรรดาผู้นำศาสนาทั้งรุ่นก่อนและหลัง ต่างมีความเห็นเดียวกันทุกคน ด้วยเหตุที่ว่าหลักฐานและความถูกต้องอันชัดแจ้งได้มาถึงแก่พวกรอฟิเฎาะฮฺแล้ว และพวกเขาก็ไม่ใช่ผู้คนที่ไม่รู้ความจริงนั้น