เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
บล็อกนี้ เป็นบล็อกสำหรับทุกคนที่ต้องการรับรู้ถึงสังคมปัจจุบันว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางใดและสังเกตุพฤติกรรมของมุสลิมในสังคมว่ามีสภาพว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้เพื่อนอิสลามจะคอยเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เข้ามาเยื่ยมชม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คือ เป็นเพื่อนในอิิสลามของคุณตลอดไป และถ้าหากเห็นว่าบล็อกนี้มีประโยชน์ช่วยเม้นให้ด้วยนะ หรือ ถ้าหากจะต้องการเนื้อหาอะไรก็โพสได้นะครับ ยินดีเสมอครับ

วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ประวัติ ชัยค์ หะซัน อัล บันนา



                      
                                                         ชัยค์ หะซัน อัล บันนา

                     ชัยค์ หะซัน อัลบันนา  เกิดเมื่อ  ค.. 1906  ในมะห์มูดีดียะห์  ประเทศอียิปต์  บิดาของท่านเป็นผู้ที่ไขว่คว้าหาความรู้ใส่ตัวเขาเองตลอดเวลา  และมีความเชี่ยวชาญในการค้าขายนาฬิกา  ท่านทำงานตอนกลางคืน   ส่วนเวลากลางวันท่านทำหน้าที่เป็นอีหมามที่มัสยิดประจำท้องถิ่น  และทำหน้าที่สอนหนังสือไปในตัว  เขาจะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับกฎหมายอิสลาม   หนังสือที่โปรด ปรานที่สุด  คือหนังสือเรื่อง มุวัตตอ  ของมาลิกและหนังสือ  มุสนัตของอิมามซาฟีอีย์จากบิดาของท่านจึงทำให้  หะซัน อัล บันนาเรียนท่องคัมภีร์อัลกุรอานจนทั้งเล่ม  และเมื่อท่านโตขึ้นบิดาของท่านแนะนำให้ท่านรูจักใช้ห้องสมุด  และสนับสนุนให้ท่านอ่านหนังสือที่เก็บสะสม  การศึกษาอิสลามของท่านก็ได้รับจากบิดาเพียงผู้เดียว  เขามีความเชี่ยวชาญทางภาษาอาหรับอย่างดีเลิศ
ความกระตื้อรือร้นและความอัจฉริยะในการเป็นผู้นำเริ่มฉายแสงมาตั้งแต่ยังเด็ก  ซึ่งตอนนั้นท่านกับพี่ชายได้ก่อตั้ง                  สมาคมเพื่อการส่งเสริมความดี  และห้ามปรามการชั่ว   และท่านได้เขียนคำประกาศว่า  ผู้ชายมิให้สวมแหวนทองคำหรือใส่เสื่อไหมซึ่งไปติดไว้บนประตูมัสยิด  และแจกจ่ายไปตามจุดสำคัญต่างๆ
เมื่ออายุ  16 ปี  พ่อของท่านได้ตัดสินใจส่งท่านเข้ารับการศึกษาต่อในโรงเรียน  ดารุล อูลูม  ซึ่งเป็นโรงเรียนฝึกหัดในไคโร  ท่านเข้าไปในไคโรท่านรู้สึกตกใจมากที่เห็นความตกต่ำทางศีลธรรม  ขณะที่ท่านอยู่ในโรงเรียนนั้น   ดร. ตอฮา  ฮุสซัยน์  เขียนหนังสือแหวกแนวศาสนา  เรื่อง  บทกวีก่อนอิสลาม  ซึ่งเป็นหนังสือสร้างความเคลือบแคลงให้แก่ความหมายของคัมภีร์อัลกุรอ่านและอัลฮาดีษ  และ ซัยค์ อาลี อับดุลรดซีดเขียนหนังสืออันฉาวโฉ่เรื่อง  อิสลามและหลักการรัฐบาล  ซึ่งเป็นหนังสือที่สนับสนุนให้มุสลิมหันมายอมรับลัทธิเซคูลาริสย์ หรือ ลัทธิแยกกิจการทางโลกออกจากกิจการทางศาสนา
หะซัน อัล บันนา  รู้สึกสลดใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นบุคคลที่น่าเคารพในอียิปต์  พลอยไปเข้าร่วมสมัยกับพวกสมัยใหม่และนำประชาชนหลงผิดไปกับคนพวกนั้นด้วย  ท่านก็เลยไปปรับทุกข์กับบรรดาลูกศิษย์ของซัยยิด รอซีด ริฎอและช่วงเวลานี้เองที่ท่านได้ตัดสินใจจัดตั้งขบวนการทำลายลัทธินอกศาสนา  และปลุกเร้าให้ประชาชนหันมาดำเนินชีวิตแบบอิสลามไม่ว่าส่วนตัวและส่วนรวม  ในปีสุดท้าย  หะซัน อัล บันนา  ถูกถามเกี่ยวกับการวางแผนชีวิตในอนาคต  ซึ่งท่านเขียนไว้ว่าท่านอยากเป็นครู
หะซัน อัล บันนา  จบการศึกษาจากโรงเรียน ดารุล อุลูม  ในปี  ค.. 1927  อายุ 21 ปี  หลังจากท่านย้ายไปเป็นครูในโรงเรียนของรัฐบาลที่อิสไมเลียไม่กี่เดือน  ท่านก็ได้จัดตั้งสมาคมภราดรอิสลาม ( อิควาน อัลมุสลีมูน ) ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ
                ชัยค์ หะซัน อัลบันนา มีคุณสมบัติครบถ้วนในการทำงานตามหน้าที่ของท่าน  ไม่พียงแต่ท่านจะมีสติปัญญาเฉียบแหลมดุจคมมีดโกนเท่านั้น  แต่ยังมีร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วย  และมีความทรหดอดทนเป็นเยี่ยม
ใน ค.. 1933 ท่านได้ย้ายกองบัญชาการกลางของขบวนการอิควาน  จากอิไมเลียไปยังไคโร  เพราะท่านวางแผนที่จะให้การศึกษาให้แก่ประชาชน  เพื่อให้ประชาชนได้รู้ถึงการดำเนินชีวิตแบบอิสลาม  และจะจัดตั้งข่ายงานมัสยิด  โรงเรียนตลอดจนศูนย์กลางสวัสดีการทางสังคมขึ้นทั่วประเทศอียิปต์  เด็กหนุ่มซึ่งครั้งหนึ่งเป็นเพียงคนปลุกคนให้ตื่นขึ้นมาทำนมัสการในหมู่บ้าน  มาบัดนี้กำลังจะเป็นคนปลุกประชาชนให้ตื่นขึ้นทั่วทางอียิปต์แล้ว  ถึงแม้ว่าสภาพของเมืองไคโรในเวลานั้นจะถูกอิทธิพลของพวกนอกศาสนาครอบงำอย่างรุนแรง จนมุสลิมยังเกิดความขัดเขินที่จะทำนมัสการในที่สาธารณะ  และนักเรียนทุกคนถูกสอนให้ดูถูกอิสลามก็ตาม  แต่ท่านก็สามารถที่จะทำให้เยาวชนที่ได้รับการศึกษาแบบตะวันตกหลายคนกลายมาเป็นคนร่วมงานที่เสียสละให้แก่ท่านได้  
หลักการบางอย่างของ ชัยค์ อัลบันนา  ซึ่งถูกวางไว้เป็นกฎของขบวนการอิควาน อัลมุสลีมูน
 “  เมื่อใดก็ตามที่ท่านได้ยินเสียงอาซาน  จงนมัสการไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม  อ่านคัมภีร์กุรอานแล้วจงไตร่ตรอง  ฟังแล้วจงไตร่ตรอง  และจงรำลึกถึงอัลลอฮฺเสมอ  อย่าเสียเวลาของท่านไปกับสิ่งไร้ประโยชน์ 
อย่าโต้เถียงในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
อย่าหัวเราะให้มาก  หัวใจที่ใกล้ชิดอัลลอฮฺนั้นคือหัวใจที่สำรวมและสุภาพ
อย่าเล่นหรือสนุกให้มากนัก  ชาติที่กำลังต่อสู้นั้นไม่รู้อะไรนอกจากการเอาจริงเอาจัง
อย่าให้ดังเกินกว่าที่ผู้ฟังพอจะได้ยิน  เพราะมันจะเป็นการรบกวนคนอื่น
หลีกเลี่ยงการทำร้ายผู้อื่นลับหลัง  อย่าพูดดูหมิ่นการทำงาน
จงสร้างความคุ้นเคยกับใครก็ตามที่ท่านพบว่าเป็นคนของอิควาน  แม้เขาจะไม่เริ่มต้นก็ตาม  เพราะว่าอุดมการณ์ของเรานั้นวางอยู่บนเสาหลักแห่งความรู้และความรัก
            “ จงถือว่า  หน้าที่สำคัญกว่าเวลา  จงช่วยคนอื่นทำงานและเมื่อท่านมีโครงการใดที่จะทำ  ท่านจะประสบความสำเร็จเสมอ
งานของขบวนการอิควานดำเนินไปยังรวดเร็ว  โดยเฉพาะในส่วนที่ หะซัน อัลบันนา ลงมือกระทำด้วยตนเอง  คนของเขาให้ความเชื่อฟัง  และซื่อสัตย์ต่อเขา  เมื่ออิควานเติบโตขึ้นและมีความเข้มแข็งเป็นที่น่าพอใจแล้ว ท่านก็เลยเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ท่านที่จะปรับงานของขบวนการให้มาอยู่ในระดับชาติเสียทีโดยเขามีเป้าหมายว่าจะปฏิรูปสังคมอียิปต์ให้วางอยู่บนพื่นฐานของกฎหมายอสลามให้ได้
                ขบวนการอิควานเริ่มเป็นที่น่าสนใจของรัฐบาลครั้งแรกใน ค.. 1936 เมื่อท่านได้ส่งจดหมายถึงกษัตริย์และรัฐมนตรีระดับสูงหลายคน  เรียกร้องให้คนเหล่านั้นเลิกวิถีชีวิตแบบตะวันตกและหันมาเชื่อฟังกฎหมายอสลาม  ท่านได้ขอให้พวกรัฐบาลและชนชั้นปกครองได้ทำตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชนโดยการห้ามทุกอย่างที่ไม่ดี  เช่น ดื่มเหล้า  การพนัน  ซ่องโสเภณี  เป็นต้น
ในบรรดากิจกรรมด้านต่างๆของขบวนการนั้นท่านให้ความสนใจต่อการศึกษาต่อประชากรรุ่ใหม่เป็นอย่างมาก  หลายครั้งด้วยกันที่ท่านได้เรียกร้องให้เลิกระบบสหศึกษา  แต่ในขณะเดีวยกันท่านก็สนับสนุนให้มีการศึกษาวิทยาศาสตร์ที่ปราศจากแนงความคิดวัตถุนิยมสุดโต่งเพื่อสามารถทำให้อียิปต์นำมาใช้ประโยชน์แก่ประเทศได้  โดยไม่มี่ผลร้ายตามมา
                ตอนปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ขบวนการอิควานมีบทบาทสำคัญมากในอียิปต์  ท่านได้สร้างระบบการศึกษาของท่านขึ้นมาเองในขอบเขตของสาขางานทั่วประเทศ  โรงเรียน  มัสยิด ศูนย์กลางสวัสดิการทางสังคม  และธุรกิจของอิควานมีอยู่ไปทั่วอียิปต์
เช่นเดียวกับ ญะมาลุดดีน อัล อัฟฆอนี นักฟื้นฟูอิสลามก่อนหน้า หะซัน อัลบันนา ตระหนักอยู่เสมอว่า  สังคมอิสลามจะเติบโตไม่ได้เต็มที่  หากยังอยู่ภายใต้การครอบงำของชาติ ดังนั้น เขาจึงเรียกร้องให้มีการต่อสู้(ญิฮาด) จนถึงชีวิตกับจักรพรรดินิยมอังกฤษทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ และได้เรียกร้องให้มีการบีบอังกฤษให้ถอนตัวออกจากการควบคุมคลองสุเอซ ท่านเกลียดลัทธิไซออนิสม์มาก และเขาสาบานว่าจะทำลายลัทธิหรือสัญลักษณ์ของลัทธินี้ให้ถึงที่สุด ระหว่างการทำสงครามกับอิสรอแอลในปี ค..1948 ไม่มีกองทัพอาหรับกองไหนที่กล้าต่อสู้กับพวกไซออนิสม์อย่างกล้าหาญเหมือนกับกองทัพอาสาสมัครของอิควานและก็ไม่มีครั้งไหนที่พวกไซออนิสม์จะเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจเท่ากับครั้งนี้
เนื่องจากอิทธิพลของขบวนการอิควานมีมากขึ้นทุกวัน  ชนชั้นปกครองจึงเริ่มถือว่า  ขบวนการอิควานเป็นพวกที่โค่นล้มอำนาจการปกครอง ดังนั้น ในเดือนธันวาคม ค..1948 รัฐบาลอียิปต์จึงประกาศว่า ขบวนการอิควานเป็นขบวนการผิดกฎหมาย สมาชิกของอิควานนับจำนวนพันคนถูกจับเข้าคุกและถูกยึดทรัพย์สินที่มีอยู่  หลังจากนั้นยังไม่ทำสองเดือน  คือในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค..1949  ท่านก็ถูกมือมีดคนหนึ่งลอบสังหารถึงแก่ชีวิตในกรุงไคโร
ถึงแม้ว่า ผู้นำของขบวนการจะต้องพลีชีพก็ตาม  แต่พวกอิควานส่วนที่เหลือก็มิได้หมดหวังและยังคงทำงานต่อไป   จนขบวนการอิควานเติบโตขึ้นกว่าเก่าอีก  แต่พอมาถึง ค..1954 ขบวนการอิควานก็ถูกทำลายอย่างรุนแรงโดยน้ำมือของพวกเผด็จการอย่างที่โลกไม่เคยพบมาก่อน
                จากวัยเด็กจนถึงลมหายใจสุดท้าย  ท่าน หะซัน อัล บันนา อุทิศกำลังกาย  กำลังสติปัญญา เวลา ทรัพย์สิน และแม้กระทั่งชีวิตของท่านทั้งหมดเพื่อแนวทางของอัลลอฮ  ดังนั้นท่านจึงเป็นผู้หนึ่งในแนวทางศาสนา ( ซาฮีด ) ขออัลลอฮทรงประทานความจำเริญแก่ท่าน  และขอให้วิญญาณของท่านอยู่ในความสันติด้วยเทอญ

ยุคศตวรรคใหม่
                ในช่วงเวลาที่เราได้รอคอยความรุ่งเรืองของชาติต่างๆในด้านการเมือง สังคมและศีลธรรมในโลกมุสลิมภายใต้เส้นขีดของโลกอาหรับที่ได้มีความเจริญ คลั่งไคล้เกี่ยวกับอิสลามจนมาถึงปัจจุบันนี้ บรรดานักเขียน (ปราชญ์) นักคิดและผู้ปกครองได้นำเอาแนวความคิดของยุโรปมาเป็นแนวทางในการวางกรอบวิถีชีวิต แต่ปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงตามยุคเวลา ความเชื่อต่างๆตลอดจนประเพรีต่างๆก็เริ่มเกิดขึ้น หลังจากไม่นานความคิดของบรรดาพวกเขาก็ได้กลับไปตามแนวความคิด”Islamisasi”อีกครั้งอย่างแพร่หลาย

สาเหตุต่างๆ
                สาเหตุที่ได้มีการแพร่หลายอย่างกว้างขวางเนื่องจากผูปกครองและผู้ที่มีอำนาจของโลกอาหรับก่อนๆได้ถูกยึดอำนาจและได้ข่มความคิดจนทำให้ห่างไกลจากโลกอิสลาม ทำให้มุสลิมอ่อนอำนาจลงและง่ายต่อการเข้าครอบงำต่อชาติอื่นๆ อย่างเช่น”Kolonialisme”ที่ต้องการครอบงำ แม้ว่าในทางการเมือง เศรษฐศาสตร์ ซึ่งแนวคิดต่างๆนี้ได้เป็นที่รู้ของคนมุสลิมว่าต้องการครอบงำโลกมุสลิม

ความไม่เอาไหนของโลกตะวันตก
1.ปัจจัยหลักที่ตะวันตกเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสังคมที่เป็นเป้าหมายหลักของชาติตะวันตก แนวทาง และวิถีชีวิตของโลกตะวันตกแพร่หลายไปอย่างรวดเร็วมาก โดยใช้เทคนิคต่างๆ เช่นเครื่องจักรกลต่างๆส่งออกขาย(Mekanis) จนทำให้มุสลิมไม่สามารถค้นหาความแน่นอน ความเร้นลับ เพราะมนุษย์ไม่สามารถที่จะเทียบเท่าเครื่องจักรกลต่างๆ การใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือยของโลกตะวันตก การดื่มเหล้าที่เป็นนิอมัตของเขา แต่เป็นนิอมัตที่บาป ซึ่งมุสลิมนั้นรับไม่ได้ จนมีกลุ่มที่พยายามหาแนวทางที่จะทำให้ใกล้ชิดกับแนวทางของศาสนาให้มากๆเพื่อความสงบของจิตใจ
2.ความสมบูรณ์ของอิสลามที่จะสร้างความสมบูรณ์ทางความคิดของบรรดานักคิดมุสลิมที่มีความละเอียดอ่อน มีศีลธรรม ที่จะนำไปสู่ความเป็นอิสลามิก ซึ่งเป็นแนวคิดที่มีทั้งทฤษฎีและภาคปฏิบัติของสังคม และได้นำแนวคิดต่างๆมาเปรียบเทียบเพื่อหาสิ่งที่เป็นแก่นแท้ มีการเคลื่อนไหวของนักจิตวิทยาเรียกร้องให้มุสลิมหันกลับไปสู่แนวความคิดของอิสลามที่เป็นวิถีวีวิตมาช้านานสร้างความเป็นปึกแผ่นของโลกมุสลิม เชิญชวนคนที่ไม่ใช่มุสลิมให้เข้ารับศาสนาอิสลาม
3.บ่อเกิดของความรุ่งเรืองอันเนื่องมาจากสังคมต้องการความสงบ ซึ่งสงความโลกครั้งที่ 1 และ 2 ยังตราตรึงอยู่ในใจพวกเขาอยู่ จึงเกิดคำถามมานานับประการ ผลที่เกิดจากสงครามเป็นการสูญเสียชนเผ่าต่างๆวิถีชีวิตของแต่ละเผ่าจึงเป็นที่ไม่แปลก อิสลามได้พยายามเอาแนวความคิด ความสันติแบบอิสลามโดยใช้ลักการตามอัล-กรุอานเป็นธรรมนูญในการปกครองในสังคมปัจจุบันจึงไม่เป็นอันควรที่จะให้การส่งเสริมแก่ผู้ปกครองที่ไม่ใช้หลักจากอัลกรุอาน ไม่มีแนวความคิดใดที่ว่าการปกครองแบบรัฐอิสลามจะไม่สามารถปกครองอาณาจักรให้มีความสุขสันติ
                โลกได้มีการปกครองแบบประชาธิปไตยและได้ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการให้มีความคิดเห็น ให้ความเป็นอิสระ ไม่ตกเป็นทาส ได้รับความยุติธรรมในการปกครอง
Nasilsme Jerman Fasisme Italia ได้ให้อำนาจแก่ โมโสลินีและฮิตเลอร์ ได้เรียกร้องให้ประชากรของเขาเป็นหนึ่ง มีอำนาจอิทธิพลที่จะนำไปสู่ความปราชัย
                ความทารุณโหดร้ายของฮิตเลอร์ จนเป็นที่หวาดกลัวของประเทศอื่นๆจากนโยบายการปกครองของ Fuhrer Hitler และ Duce Mussolini
                แต่ปัจจุบันแนวคิดลัทธิสังคมนิยมและคอมมิวนิสต์เป็นผลพลอยได้จากแนวคิด และในขณะเดียวกัน สหภาพโซเวียตของรัฐเซียเป็นมหาอำนาจที่สามารถแบ่งเขตการปกครอง เหตุผลจากแนวความคิดของโซเวียตภายในระยะเวลา 30 ปี ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลง จึงไม่เป็นที่แปลกหลังจากที่สหภาพโซเวียตได้ล้มสลาย ประชากรไม่มีที่พึ่งพาอาศัย ไม่รู้จะเอาสิ่งใดมาเป็นสิ่งที่จะยึดเหนี่ยวจิตใจ ซึ่งต่างกับอิสลามที่อัล-กรุอานที่เป็นที่พึ่งทางจิตใจ เมื่ออำนาจเป็นของอัลลอฮ อำนาจก็จะกลับไปสู่น้ำมือของพระเจ้า
                ความสูญเสียจากภาวะสงคราม จากสังคมนิยมที่แข็งกร้าวนั้นทำให้มีการตายเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรดานักคิดมุสลิมรู้สึกสำนึก เมื่อนำไปเปรียบเทียบทำบทสรุป ก็เพื่อปกป้องชนชาติ ประชากรให้หันกลับมาสู่ศาสนาอิสลาม ละทิ้งศาสนาที่ถูกคุกคามและบังคับ

แนวคิดของอิม่าม อัชชะฮีด อัลบันนา
1.  อัลลอฮ     คือ  เป้าหมายของเรา
รอซูล  คือ  แบบอย่างของเรา
อัลกรุอาน  คือ  ธรรมนูญของเรา
ญิฮาด       คือ  วิถีทางของเรา
การพลีชีพในทางของอัลลอฮ  คือ  ความปรารถนาสูงสุดของเรา
2.  อิสลามเป็นระบบที่สมบูรณ์และครอบคลุมของชีวิตในทุกๆด้าน
อิสลาม    คือ  รัฐและมาตุภูมิ
อิสลาม    คือ  รัฐบาลและประชาชน
อิสลาม    คือ  จริยธรรมและอำนาจ
อิสลาม    คือ  ความเมตตาและความยุติธรรม
อิสลาม    คือ  วัฒนธรรมและกฎหมาย
อิสลาม    คือ  ความรอบรู้และหลักนิติกรรม
อิสลาม    คือ  วัตถุปัจจัยและความมั่นคั่ง
อิสลาม    คือ  การดิ้นรนต่อสู้และการเรียกร้องเชิญชวน
อิสลาม    คือ  การทหารและวิถีทาง
อิสลาม    คือ  อะกีดะฮและอิบาดัตที่เที่ยงตรง
3.ขั้นตอนการดำเนินงานอิสลาม
1.  การปฏิรูปตนเอ
2.  สร้างบ้านแห่งอิสลาม
3.  สร้างสังคมอิสลาม
4.  ปลดปล่อยมาตุภูมิให้พ้นจากสิ่งที่มิใช่อิสลาม
5.  ปฏิรูปรัฐบาล เพื่อที่ว่ารัฐบาลจะได้เป็นรัฐบาลอิสลามที่แท้จริง
6.  เสริมสร้างความมั่นคงทางสากลระหว่างชาติมุสลิม
7. ประกาศแนะนำอุดมการณ์อิสลามให้แก่ชาวโลกทั้งมวลโดยการเผยแผ่อิสลาม
   ไปยังทุกมุมโลก
4.มนุษย์นั้นมี 7 จำพวก
1.  มุสลิมที่ต่อสู้
2.  มุสลิมที่ลังเลใจ
3.  มุสลิมที่กระทำบาป
4.  ผู้ซึ่งมิใช่มุสลิมที่อาศัยอยู่อย่างสันติภายใต้กฎหมายอิสลามในรัฐมุสลิม
5.  ผู้ซึ่งมิใช่มุสลิมที่มีพันธะสัญญากับรัฐมุสลิม
6.  ผู้ซึ่งมิใช่มุสลิมที่เป็นกลาง
7.  ผู้ซึ่งมิใช่มุสลิมที่ทำสงครามกับรัฐมุสลิม
5.โอ้ชนชาติของข้าพเจ้า
คำภีร์อัลกรุอาน เป็นคำภีร์ที่ทำความเข้าใจได้ และเสริมสร้างพลังไม่หยุดยั้งซึ่งสิ้นสุดในตัวมันเอง ไม่เพียงแต่หลักความเชื่อเท่านั้นแต่พื้นฐานหลักการ สวัสดิการ สังคม และกฎเกณฑ์ทางนิติศาสตร์ได้มีอยู่แล้วอย่างพร้อมมูล
บรรดามุสลิมได้ดำเนินดำเนินตามอัล-กรุอานแล้วหรือ พวกเขามีศรัทธาและเชื่อมั่นในหลักการจากอัลลอฮที่ปรากฎในอัล-กรุอานแล้วหรือ พวกเขาเข้าใจจุดหมายที่สำแดงไว้ในอัล-กรุอานแล้วหรือ ทุกย่างก้าวของพวกเขาได้ประสานกับกฎสังคมที่ระบุในอัล-กรุอานแล้วหรือ

6.ปัจจัยต่างๆที่นำไปสู่การสลายตัวของอิสลามและอุมมะฮอิสลาม มัดังนี้
1.  การแตกแยกทางการเมือง
2.  ความแตกแยกทางศาสนา
3.  ความหลงไหลในความฟุ่มเฟือยและความสบายต่างๆ
4.  อำนาจการปกครองเปลี่ยนมือไปสู่พวกที่มิใช่อาหรับ เช่น เปอร์เซีย ไดลาไมท์ มัมลูก เตอร์ก และอื่นๆ ซึ่งพวกเหล่านี้ไม่ได้รับเอาอิสลามไปอย่างแท้จริง
5. การละทิ้งวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เสียเวลาและพลังงานไปกับปรัชญาที่ยากแก่การเข้าใจ
6.  การหลงไหลในอำนาจ
7.  การหลอกลวงตนเองเนื่องจากการวางแผนร้ายของพวกประจบสอพลอที่ไม่เป็นมิตร
8.  อารยธรรมยุโรปมีลักษณะเฉพาะดังนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น