ก่อนที่จะเริ่มเข้าเนื้อหาผู้เขียนจะขออธิบายหัวข้อที่ได้เขียนมาข้างต้นคือ มุสลิมกับเสียงอาซานและ เวลา 18.00 นาฬิกา นั้นผู้เขียนจะข้อสรุปก็คือ การเปรียบเทียบมุสลิมเราในสังคมปัจจุบันว่ามีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อได้ยินเสียงอาซานและเมื่อเข้าเวลา 18.00 น. มุสลิมมักจะทำตัวอย่างไรในสังคมปัจจุบัน
แล้ว 18.00 น. มันเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ อ๋อ 18.00 น. ที่เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้คือว่าเมื่อประชาชนในประเทศไทยได้ยินเสียงนี้แล้วทุกคนจะต้องแสดงความเคารพยืนตรง ในขณะที่เพลงชาติไทยได้เปิดขึ้นเพราะในสังคมเรานั้นจะได้ยินเสียงเพลงชาติก็ต่อเมื่อเข้าเวลา 08.00 น. และจะได้ยินอีกครั้งหนึ่งก็เวลา 18.00 น.
ซึ่งทุกคนส่วนใหญ่จะได้ยินกันจนชินแล้วในสังคม แต่ผู้เขียนจะขอเปรียบเทียบว่า เมื่อมุสลิมเราในขณะที่เขาจะทำอะไรอยู่เมื่อได้ยินสองสิ่งนี้จะมีพฤติธรรมอย่างไร
เรามาเปรียบเทียบกันดีกว่า ว่าในขณะที่มุสลิมเรากำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่นั้น ซึ่งการเล่นฟุตบอลนั้นถือได้ว่าเป็นกีฬายอดนิยมของบรรดาผู้ชายทั้งหลาย และเมื่อเรามองในมุมของอิสลาม อิสลามส่งเสริมให้ออกกำลังเพื่อที่ร่างกายของเราจะได้แข็งแรงและมีสุภาพดี
แต่เหตุการณ์ที่จะเปรียบเทียบในสังคมปัจจุบัน คือ ในขณะที่บรรดามุสลิมเรานั้นกำลังเล่นฟุตบอลอยู่นั้นมีทั้งลีลาของ โรนัลโด้ รูนี่ย์ หรือเมสซี่ กล่าวคือมีเยอะเต็มไปหมดกับลีลาต่าง แต่เมื่อเวลา 18.00 น. เข้ามาถึง สิ่งแรกที่จะได้ยินคือ เพลงชาติที่เขาจะเปิดเพื่อแสดงว่าเข้าเวลาของการเคารพธงชาติแล้ว และบรรดามุสลิมที่กำลังเล่นบอลอยู่นั้นต่างกันหยุดเล่นทันทีเมื่อเพลงนี้ได้ดังขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งปฏิบัติกันในสังคมบ้านเรา และเมื่อสิ้นสุดเพลงแล้วบรรดานักบอลเหล่านั้นก็กระทำการเล่นฟุตบอลกันต่อ
(ตอนสำคัญฉากเด็ด) เมื่อสิ้นสุดเพลงชาติเหล่านักบอลจะเล่นต่อเมื่อเล่นไปสักพักก็จะเข้าใกล้ของเวลาละหมาด ทันใดนั้น เสียงอาซานก็ดังขึ้น ! เรามาคิดกันว่านักบอลเหล่านั้นจะแสดงอย่างไรเมื่อได้ยินเสียงอาซาน เขาจะหยุดเล่นบอลแล้วกล่าวตอบรับเสียงอาซานหรือป่าว หรือว่าจะเล่นบอลโดยทำตัวไม่รู้ชี้
คำตอบ บรรดามุสลิมเหล่ากลับไม่ยอมหยุดเล่นในทางกลับกันพวกเขากลับเล่นบอลกันอย่างดุเดือด มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมมุสลิมเรา! หากเราย้อนกลับกันเมื่อ 18.00 น. นั้นพวกเขากลับหยุดเล่นบอลแล้วยืนตรง แต่เมื่อเสียงอาซานดังขึ้นพวกเขากลับไม่ยอมหยุดเล่นกลับทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ซ้ำแล้วกลับทำตัวหูหนวกเมื่อได้ยินเสียงอาซานที่ยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ (ซ.บ)
หากเรามองดูสิ่งข้างต้นของนักเหล่านั้นบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่นิสัยลูกผู้ชายเลยในเมื่อเสียงอาซานเรียกร้องให้รู้ว่าเวลาละหมาดเข้ามาแล้วนะ แต่พวกเขาเมื่อได้ยินกลับไม่หยุดเล่นต่างกันกลับเล่นบอลต่ออย่างสนุกเท้า แล้วมันลูกผู้ชายที่ไหนล่ะในเมื่อ 18.00 น. คุณได้ยินเพลงหนึ่งเป็นเพลงที่มนุษย์สร้างขึ้นมา แต่เสียงอาซานเป็นเสียงที่มาจาฟากฟ้ามาจากพระผู้เป็นเจ้า คุณกลับมีพฤติกรรมอีกแบบหนึ่งแล้วจะให้ตัดสินยังไงว่า พฤติกรรมที่เกิดขึ้นมาจากอะไร มาจากกระแสของสังคมกระนั้นอาจจะใช่ แต่เหตุผลหลักของมันคือ มุสลิมในปัจจุบันส่วนใหญ่ละทิ้งไม่สนใจศาสนา (มุสลิมที่สนใจศานาก็มีนะไม่ใช่ว่าไม่มี) สิ่งนี้แหละที่แสดงออกมาให้เห็นว่ามันเกิดขึ้นมาแล้วยุคสุดท้ายของวันสิ้นโลก
ซึ่งสิ่งดังกล่าวที่ผู้เขียนได้หยิบยกมาข้างต้นเพื่อจะแสดงให้เห็นว่าขนาดบรรดานักฟุตบอลทั้งหลายเขายังละเลยเสียงอาซานแล้วนับประสาอะไรกับบรรดาพวกต่างๆอีกละ ไหนจะเป็น นักศึกษา พนักงาน ข้าราชการ หรือวัยรุ่นแอ็บแบ้วต่างๆเป็นต้น บุคคลเหล่านี้อาจจะละเลยต่อเสียงอาซานก็เป็นได้ และงานเขียนชิ้นนี้ไม่ใช่จะต่อต้านไม่ให้เคารพต่อเพลงชาติแต่อยากจะสะกิดบรรดามุสลิมทั้งหลายว่าเสียงอาซานนั้นมันมีค่ามากแค่ไหนในโลกดุนยานี้
หากจะเปรียบเทียบอีกแบบหนึ่งอีก เมื่อถึงเวลาอาซานมุสลิมทำไม่สนใจและตระหนักของเสียงแต่เมื่อถึง 18.00 น. มุสลิมกำลังสนใจและจริงจังกับเรื่องนี้ หรือว่า 18.00 น. อาจจะเป็นเสียงอาซานของผู้คนในสังคมปัจจุบันกระนั้นหรือ โอ้ว.....ไม่นะผมไม่ยอม
อีกประเด็น อาจจะมีบางกลุ่มที่ได้ยินเพลงชาติก็นิ่งเฉยไม่แสดงความเคารพเลยซ้ำเติมพอเสียงอาซานดังขึ้นก็ไม่ยอมฟังอีกกลับนิ่งเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มัวแต่ทำงานเล่นบอลไปแบบ ผมล่ะเหนื่อยแทนๆ
อีกประเด็น อาจจะมีบางกลุ่มที่ได้ยินเพลงชาติก็นิ่งเฉยไม่แสดงความเคารพเลยซ้ำเติมพอเสียงอาซานดังขึ้นก็ไม่ยอมฟังอีกกลับนิ่งเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มัวแต่ทำงานเล่นบอลไปแบบ ผมล่ะเหนื่อยแทนๆ
หากทุกคนที่ได้อ่านบทความนี้ผู้ขอให้ตระหนักไว้ว่าผู้เขียนไม่ใช่จะไม่ให้แสดงความเคารพเพลงชาติ แต่สิ่งที่ผู้เขียนจะบอกว่าในเมื่อเสียงอาซานดังขึ้นมาทุกคนต้องให้ความเคารพและความเท่าเทียมกันในการแสดงด้วยสิ พี่น้อง.... ไม่ใช่อีกอย่างนั้นทำพออีกอย่างกลับไม่ทำในเมื่อเสียงนั้นเป็นเสียงที่เรียกร้องเชิญชวนไปหาพระผู้เป็นเจ้า นั้นคือ อัลลออฮฺ
ซึ่งงานเขียนของผู้เขียนครั้งนี้นั้นที่ได้เขียนให้ทุกท่านอ่านอยู่ในขณะนี้เพื่อสื่อให้เห็นว่าในสังคมปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก จนผู้คนละเลยสิ่งเล็กๆน้อยๆของเสียงอาซาน สังคมปัจจุบันกำลังสื่อให้รู้การแข่งขันมีอยู่ตลอดเวลา แต่การแข่งขันของผู้คนในสังคมนั้นแข่งเพื่ออะไร สิ่งนี้แหละที่ผู้เขียนจะสื่อว่าถ้าหากเราแข่งขันกับเก็บต้นทุนเพื่อวันนี้ วันอาคีเราะห์ข้างหน้าชีวิตเราจะมีความจำเริญขนาดไหน ฉะนั้นผุ้เขียนขอเรียกร้องบรรดามุสลิมและมุสลีมะห์ทั้งหลายอย่าละเลยในสิ่งเล็กๆน้อยๆในอิสลามอย่างเด็ดขาด เพราะสิ่งเล็กๆน้อยๆอาจจะนำพาเราไปสู่ความพอพระทัยของ อัลออฮฺ ใครจะไปรู้
ความว่า เฉพาะพระองค์เท่านั้น ที่พวกข้าพระองค์เคารพอิบาดะฮฺ และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์ ขอความช่วยเหลือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น