บทนำ
การศึกษาเรื่องผู้หญิงที่เป็นระบบมีหลักสูตรที่ชัดเจนได้เปิดสอนครั้งแรกที่
San Diego State College เมื่อปี 1970
ในระยะเวลาสี่สิบปีการศึกษาวิจัยเรื่องผู้หญิงได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว
จนถึงปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาที่เปิดสอนหลักสูตรเกี่ยวกับผู้หญิงในประเทศต่างๆเกือบทั่วโลก
โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดี่ยวการจัดการศึกษาเรื่องผู้หญิง(Woman
Studies) มีมากถึง 395 แห่ง
ขณะเดี่ยวกันประเทศมุสลิมได้ตกเป็นจำเลยทางสังคมในฐานะที่เป็นสังคมที่มีการทารุณกรรรมและปฏิบัติต่อหญิงเยี่ยงทาส
(maltreatment
and slavery of woman) ในอันดับต้นๆของโลก (Abdurrahman 1990)
ซึ่งข้อมูลที่ปรากฏเป็นกระแสที่ผู้คนโดยทั่วไปเข้าใจผิดคิดว่าอิสลามเป็นศาสนาที่ลิดรอนสิทธิของผู้หญิงและเป็นศาสนาที่ลิดรอนสถานภาพความเป็นอยู่และบทบาทของผู้หญิงในสังคม
แต่จากการศึกษาวิจัยเรื่องผู้หญิงในอิสลามโดยนักวิชาการมุสลิมและมิใช่มุสลิมจากเอกสารปฐมภูมิ
คือ อัลกรุอานและหะดีษ รวมทั้งข้อมูลจากประวัติศาสตร์อิสลามในสมัยท่านศาสดา(ศ็อลฯ)
และในสมัยเศาะหาบะฮฺไม่ปรากฏว่าการทารุณกรรมและการปฏิบัติต่อหญิงเยี่ยงทาสเป็นหลักการที่กำหนดโดยอิสลามแต่อย่างใด
แต่งานวิจัยกลับค้นพบว่าอิสลามคือ ศาสนาที่ปกป้องสถานภาพ ศักดิ์ศรี
และสิทธิของผู้หญิงที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศาสนาที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในเรื่องเดียวกัน Pier Crebite ผู้พิพากษาชาวอเมริกันได้ยอมรับในเรื่องดังกล่าวไว้ว่า
“มูหัมมัดคือผู้บุกเบิกในด้านสิทธิสตรีที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก
โดยยากที่จะหาคนอื่นมาเทียบได้ หลักการอิสลาม (ที่ท่านได้เผยแผ่)
ให้สิทธิต่อภรรยาในการถือครองกรรมสิทธิในทรัพย์สินเหมือนกับสิทธิที่สามีได้รับ
สตรีมีความอิสระที่จะทำสัญญาตกลงซื้อขายหรือจัดการต่อทรัพย์สินของนางตามที่นางปราถนาโดยสามีไม่มีสิทธิที่จะทำการขัดขวางได้”
อ้างใน (Abdurrahman 1990)
บทความเรื่องนี้มีวัตถุประสงค์ในการเขียนสามข้อ
คือ นำเสนอหลักการอิสลามที่เกี่ยวกับผู้หญิงที่ปรากฏหลักฐานในอัลกรุอานและหะดีษ
ซึ่งเป็นที่มาของกระบวนทัศน์ผู้หญิงในอิสลาม สอง
นำเสนอภาพลักษณ์ของผู้หญิงในสมัยท่านศาสดาและเศาะหาบะฮฺในสถานะและบทบาทต่างๆในสังคม
ทั้งนี้เพื่อเป็นแนวการพัฒนาผู้หญิงในแบบฉบับของอิสลามในสังคมปัจจุบัน และสาม
เพื่อนำเสนอสุนนะฮฺของศาสดา แนวคิดและแนวปฏิบัติของบรรดาเศาะหาบะฮฺและปราชญ์มุสลิมร่วมสมัยเพื่อเป็นฐานในการสร้างองค์ความรู้และแนวปฏิบัติเพื่อการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างพลังผู้หญิงในการพัฒนาสังคม
การศึกษาเรื่องนี้ใช้กระบวนการศึกษาวิจัยเชิงเอกสารเป็นหลัก
โดยศึกษาข้อกำหนดที่ปรากฏในอัลกรุอานหะดีษ และตำราที่อรรถาธิบายอัลกรุอาน(ตัฟซีร)
รวมทั้งข้อเสนอในการฟัตวาของอุลามาอฺ(นักปราชญ์มุสลิม)
ร่วมสมัยในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวกับสถานภาพและบทบาทของผู้หญิงและศึกษาจากตำรา
บทความวิชาการทางอิสลามศึกษาที่ได้ศึกษาเรื่องผู้หญิงในอิสลาม
โดยเนื้อหาจะครอบคลุมในสามประเด็นสำคัญ คือ หลักการอิสลามที่เกี่ยวกับกระบวนทัศน์
ของผู้หญิงในอิสลาม สองสถานภาพของผู้หญิงที่อิสลามได้กำหนด
และสามบทบาทของผู้หญิงในอิสลามเพื่อสรรสร้างสังคมโลกสมัยใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น