เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
บล็อกนี้ เป็นบล็อกสำหรับทุกคนที่ต้องการรับรู้ถึงสังคมปัจจุบันว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางใดและสังเกตุพฤติกรรมของมุสลิมในสังคมว่ามีสภาพว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้เพื่อนอิสลามจะคอยเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เข้ามาเยื่ยมชม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คือ เป็นเพื่อนในอิิสลามของคุณตลอดไป และถ้าหากเห็นว่าบล็อกนี้มีประโยชน์ช่วยเม้นให้ด้วยนะ หรือ ถ้าหากจะต้องการเนื้อหาอะไรก็โพสได้นะครับ ยินดีเสมอครับ

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ทำไมต้องวันศุกร์ จากหนังสืออิสลามทำไม



หนังสือทีกำลังดังอยู่ในขณะนี้


บทความตอนหนึ่งจาก หนังสืออิสลามทำไม  หน้า 102

                   อิสลามได้กำหนดวันศุกร์เป็นวันตรุษในรอบสัปดาห์แกมุสลิม โดยให้วันศุกร์นั้นเป็นวันที่ประเสริฐที่สุด ซึ่งอัลลอฮฺได้ทรงกำหนดให้วันนี้เป็นวันปฏิบัติศาสนกิจ วันแห่งการร่ำเรียนวิชาการทางศานา วันแห่งการเยื่ยมเยียนผูกสัมพันธ์ทางเครือญาติ และเป็นวันแห่งการรวมตัวของชาวมุสลิมเพื่อร่วมกันละหมาดญุมุอะฮ์ ดังที่อัลลอฮฺทรงตรัส

ความว่า โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อมีเสียงร้องเรียก (อะซาน) เพื่อทำการละหมาดในวันศุกร์ก็จงรีบเร่งไปสู่การรำลึกถึงอัลลอฮฺ และจงละทิ้งการค้าขายเสีย นั้นเป็นการดีสำหรับพวกเขา หากพวกเจ้ารู้ (อัลญุมุอะฮ์:9)
            ท่านนบีมูฮัมมัดได้กล่าวถึงการที่อัลลอฮฺทรงสร้างสรรพสิ่งต่างๆว่า
            อัลลอฮฺทรงสร้างดินในวันเสาร์ ทรงสร้างภูเขาในวันอาทิตย์ ทรงสร้างต้นไม้ในวันจันทร์
สร้างสิ่งที่น่ารังเกียจในวันอังคาร สร้างรัศมีในวันพุธ และแพร่กระจ่ายสรรพสัตว์บนแผ่นดินในวันพฤหัสบดี และพระองค์ทรงสร้างอาดัมในช่วงเวลาอัศร์ของวันศุกร์ให้เป็นถูกสร้างในช่วงสุดท้ายจากช่วงเวลาต่างๆ ในวันศุกร์ในสิ่งที่อยู่ระหว่างเวลาอัศร์จนถึงเวลากลางคืน (บันทึกโดยมุสลิม)

إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّـهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّام

ความว่า     แท้จริงพระเจ้าของพวกเจ้านั้น คือ อัลลอฮฺผู้สร้างบรรดาชั้นฟ้า และแผ่นดินภายในหกวัน (อัลอะร็อฟ:54)

            และแน่นอน คงจะต้องมีคำถามขึ้นมาว่า ทำไมอัลลอฮฺมิทรงสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินภายในหนึ่งวินาทีทั้งที่พระองค์มีความสามารถ?
           

แท้จริงอัลลอฮฺมีความสามารถในการสร้างทุกสรรพสิ่งเพียงระยะชั่วพริบตาเดียว


ความว่า   และกิจการของเรา (ในการสร้าง) นั้นเพียง (บัญชา) ครั้งเดียว คล้ายกับชั่วพริบตาเดียว        (อัลเกามัร:50)

            ท่านอิหม่าม อัลกุรฏบีย์ กล่าวว่า การที่พระองค์ได้กล่าวถึงระยะเวลา (การสร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินถึงหกวัน) นั้น หากว่าพระองค์มีความประสงค์ที่จะสร้างมันภายในหนึ่งวินาที พระองค์ก็สามรถกระทำได้ เพราะพระองค์มีความสามารถที่จะกล่าวกับมันว่า จงเป็นให้แก่ฉัน  ดังนั้นมันจะปรากฏขึ้น แต่ทว่าพระองค์ต้องการดังนี้
-เพื่อให้บรรดาบ่วงบ่าวได้รู้ถึงความเมตตาและความหนักแน่นในกิจการงาน
-เพื่อให้ความสามารถของพระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่บรรดามะลาอิกะห์โดยการให้เกิดขึ้นมาทีบะอย่าง
-วิทยปัญญาอีกอย่างที่พระองค์ได้สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นระยะหกวัน เพราะว่าทุกสรรพสิ่ง ณ อัลลอฮฺมีวาระที่ชัดเจน และการที่พระองค์ได้อธิบายด้วยสิ่งดังกล่าวเป็นการบ่งบอกถึงว่าพระองค์ไม่รีบเร่งในการลงโทษผู้ฝ่าฝืนหรือกระทำความผิด เพราะว่าทุกสรรพสิ่ง ณ พระองค์มีวาระเวลา
            ท่านนบีมูฮัมมัด ได้กล่าวอีกว่า วันที่ประเสริฐที่สุดท่ดวงอาทิตย์ขึ้นคือวันศุกร์ในวันนั้นศาสดาอาดัมถูกสร้าง และได้ถูกนำเข้าสวรรค์และถูกให้ออกจากสววรค์และวันสิ้นโลกจะไม่เกิดขึ้นนอกจากวันศุกร์ (มุสลิม)


       สนใจสามารถซื้อได้ตามร้านหนังสืออิสลาม จังหวัดปัตตานีมีจำหน่ายที่ร้านสุไลมาน เล่ม 200  บาท
น่าซื้อไว้อ่านมาก



วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มุสลิมกับเสียงอาซาน เวลา 18.00 น.





                ก่อนที่จะเริ่มเข้าเนื้อหาผู้เขียนจะขออธิบายหัวข้อที่ได้เขียนมาข้างต้นคือ มุสลิมกับเสียงอาซานและ เวลา 18.00 นาฬิกา นั้นผู้เขียนจะข้อสรุปก็คือ การเปรียบเทียบมุสลิมเราในสังคมปัจจุบันว่ามีพฤติกรรมอย่างไรเมื่อได้ยินเสียงอาซานและเมื่อเข้าเวลา 18.00. มุสลิมมักจะทำตัวอย่างไรในสังคมปัจจุบัน
            เสียงอาซานคือการเรียกร้องของอิสลามเพื่อทำการละหมาด เมื่อเรารู้ว่าอาซานมีความหมายว่าอย่างไร
          แล้ว 18.00. มันเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ล่ะ อ๋อ 18.00. ที่เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้คือว่าเมื่อประชาชนในประเทศไทยได้ยินเสียงนี้แล้วทุกคนจะต้องแสดงความเคารพยืนตรง ในขณะที่เพลงชาติไทยได้เปิดขึ้นเพราะในสังคมเรานั้นจะได้ยินเสียงเพลงชาติก็ต่อเมื่อเข้าเวลา 08.00 . และจะได้ยินอีกครั้งหนึ่งก็เวลา 18.00.
            ซึ่งทุกคนส่วนใหญ่จะได้ยินกันจนชินแล้วในสังคม แต่ผู้เขียนจะขอเปรียบเทียบว่า เมื่อมุสลิมเราในขณะที่เขาจะทำอะไรอยู่เมื่อได้ยินสองสิ่งนี้จะมีพฤติธรรมอย่างไร
            เรามาเปรียบเทียบกันดีกว่า ว่าในขณะที่มุสลิมเรากำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่นั้น ซึ่งการเล่นฟุตบอลนั้นถือได้ว่าเป็นกีฬายอดนิยมของบรรดาผู้ชายทั้งหลาย และเมื่อเรามองในมุมของอิสลาม อิสลามส่งเสริมให้ออกกำลังเพื่อที่ร่างกายของเราจะได้แข็งแรงและมีสุภาพดี
            แต่เหตุการณ์ที่จะเปรียบเทียบในสังคมปัจจุบัน คือ ในขณะที่บรรดามุสลิมเรานั้นกำลังเล่นฟุตบอลอยู่นั้นมีทั้งลีลาของ โรนัลโด้ รูนี่ย์ หรือเมสซี่ กล่าวคือมีเยอะเต็มไปหมดกับลีลาต่าง แต่เมื่อเวลา 18.00. เข้ามาถึง สิ่งแรกที่จะได้ยินคือ เพลงชาติที่เขาจะเปิดเพื่อแสดงว่าเข้าเวลาของการเคารพธงชาติแล้ว และบรรดามุสลิมที่กำลังเล่นบอลอยู่นั้นต่างกันหยุดเล่นทันทีเมื่อเพลงนี้ได้ดังขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งปฏิบัติกันในสังคมบ้านเรา และเมื่อสิ้นสุดเพลงแล้วบรรดานักบอลเหล่านั้นก็กระทำการเล่นฟุตบอลกันต่อ
            (ตอนสำคัญฉากเด็ด)  เมื่อสิ้นสุดเพลงชาติเหล่านักบอลจะเล่นต่อเมื่อเล่นไปสักพักก็จะเข้าใกล้ของเวลาละหมาด ทันใดนั้น  เสียงอาซานก็ดังขึ้น ! เรามาคิดกันว่านักบอลเหล่านั้นจะแสดงอย่างไรเมื่อได้ยินเสียงอาซาน เขาจะหยุดเล่นบอลแล้วกล่าวตอบรับเสียงอาซานหรือป่าว หรือว่าจะเล่นบอลโดยทำตัวไม่รู้ชี้
คำตอบ บรรดามุสลิมเหล่ากลับไม่ยอมหยุดเล่นในทางกลับกันพวกเขากลับเล่นบอลกันอย่างดุเดือด มันเกิดอะไรขึ้นกับสังคมมุสลิมเรา! หากเราย้อนกลับกันเมื่อ 18.00. นั้นพวกเขากลับหยุดเล่นบอลแล้วยืนตรง แต่เมื่อเสียงอาซานดังขึ้นพวกเขากลับไม่ยอมหยุดเล่นกลับทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ซ้ำแล้วกลับทำตัวหูหนวกเมื่อได้ยินเสียงอาซานที่ยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ (ซ.บ)
            หากเรามองดูสิ่งข้างต้นของนักเหล่านั้นบอกได้เลยว่ามันไม่ใช่นิสัยลูกผู้ชายเลยในเมื่อเสียงอาซานเรียกร้องให้รู้ว่าเวลาละหมาดเข้ามาแล้วนะ แต่พวกเขาเมื่อได้ยินกลับไม่หยุดเล่นต่างกันกลับเล่นบอลต่ออย่างสนุกเท้า แล้วมันลูกผู้ชายที่ไหนล่ะในเมื่อ 18.00. คุณได้ยินเพลงหนึ่งเป็นเพลงที่มนุษย์สร้างขึ้นมา แต่เสียงอาซานเป็นเสียงที่มาจาฟากฟ้ามาจากพระผู้เป็นเจ้า คุณกลับมีพฤติกรรมอีกแบบหนึ่งแล้วจะให้ตัดสินยังไงว่า พฤติกรรมที่เกิดขึ้นมาจากอะไร มาจากกระแสของสังคมกระนั้นอาจจะใช่ แต่เหตุผลหลักของมันคือ มุสลิมในปัจจุบันส่วนใหญ่ละทิ้งไม่สนใจศาสนา (มุสลิมที่สนใจศานาก็มีนะไม่ใช่ว่าไม่มี)  สิ่งนี้แหละที่แสดงออกมาให้เห็นว่ามันเกิดขึ้นมาแล้วยุคสุดท้ายของวันสิ้นโลก
            ซึ่งสิ่งดังกล่าวที่ผู้เขียนได้หยิบยกมาข้างต้นเพื่อจะแสดงให้เห็นว่าขนาดบรรดานักฟุตบอลทั้งหลายเขายังละเลยเสียงอาซานแล้วนับประสาอะไรกับบรรดาพวกต่างๆอีกละ ไหนจะเป็น นักศึกษา พนักงาน ข้าราชการ หรือวัยรุ่นแอ็บแบ้วต่างๆเป็นต้น บุคคลเหล่านี้อาจจะละเลยต่อเสียงอาซานก็เป็นได้ และงานเขียนชิ้นนี้ไม่ใช่จะต่อต้านไม่ให้เคารพต่อเพลงชาติแต่อยากจะสะกิดบรรดามุสลิมทั้งหลายว่าเสียงอาซานนั้นมันมีค่ามากแค่ไหนในโลกดุนยานี้
           
            หากจะเปรียบเทียบอีกแบบหนึ่งอีก เมื่อถึงเวลาอาซานมุสลิมทำไม่สนใจและตระหนักของเสียงแต่เมื่อถึง 18.00. มุสลิมกำลังสนใจและจริงจังกับเรื่องนี้ หรือว่า 18.00 . อาจจะเป็นเสียงอาซานของผู้คนในสังคมปัจจุบันกระนั้นหรือ โอ้ว.....ไม่นะผมไม่ยอม
                   อีกประเด็น อาจจะมีบางกลุ่มที่ได้ยินเพลงชาติก็นิ่งเฉยไม่แสดงความเคารพเลยซ้ำเติมพอเสียงอาซานดังขึ้นก็ไม่ยอมฟังอีกกลับนิ่งเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มัวแต่ทำงานเล่นบอลไปแบบ ผมล่ะเหนื่อยแทนๆ 

            หากทุกคนที่ได้อ่านบทความนี้ผู้ขอให้ตระหนักไว้ว่าผู้เขียนไม่ใช่จะไม่ให้แสดงความเคารพเพลงชาติ แต่สิ่งที่ผู้เขียนจะบอกว่าในเมื่อเสียงอาซานดังขึ้นมาทุกคนต้องให้ความเคารพและความเท่าเทียมกันในการแสดงด้วยสิ พี่น้อง.... ไม่ใช่อีกอย่างนั้นทำพออีกอย่างกลับไม่ทำในเมื่อเสียงนั้นเป็นเสียงที่เรียกร้องเชิญชวนไปหาพระผู้เป็นเจ้า นั้นคือ อัลลออฮฺ
            ซึ่งงานเขียนของผู้เขียนครั้งนี้นั้นที่ได้เขียนให้ทุกท่านอ่านอยู่ในขณะนี้เพื่อสื่อให้เห็นว่าในสังคมปัจจุบันมีการแข่งขันสูงมาก จนผู้คนละเลยสิ่งเล็กๆน้อยๆของเสียงอาซาน สังคมปัจจุบันกำลังสื่อให้รู้การแข่งขันมีอยู่ตลอดเวลา แต่การแข่งขันของผู้คนในสังคมนั้นแข่งเพื่ออะไร สิ่งนี้แหละที่ผู้เขียนจะสื่อว่าถ้าหากเราแข่งขันกับเก็บต้นทุนเพื่อวันนี้ วันอาคีเราะห์ข้างหน้าชีวิตเราจะมีความจำเริญขนาดไหน            ฉะนั้นผุ้เขียนขอเรียกร้องบรรดามุสลิมและมุสลีมะห์ทั้งหลายอย่าละเลยในสิ่งเล็กๆน้อยๆในอิสลามอย่างเด็ดขาด เพราะสิ่งเล็กๆน้อยๆอาจจะนำพาเราไปสู่ความพอพระทัยของ อัลออฮฺ ใครจะไปรู้

ความว่า เฉพาะพระองค์เท่านั้น ที่พวกข้าพระองค์เคารพอิบาดะฮฺ และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์   ขอความช่วยเหลือ



วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เมื่อเยาวชนอิสลาม มีมุมมอง ความรักไม่เหมือนกัน

                                                                                     
       
       
         
          เมื่อเรามองสิ่งที่ปรากฏบนพื้นแผ่นดินนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แท้จริงการเกิดทุกชีวิตบนพื้นแผ่นดินย่อมต้องมีผู้ทรงสร้างอย่างแน่นอนและผู้ทรงสร้างเรานั้นก้อได้ใส่ความรักไว้ในตัวของมนุษย์ด้วยจิตสำนึกในการแสดงความรักต่อพระผู้เป็นเจ้านั้นคืออัลลอฮฺ และเพื่อแสดงความรักต่อมนุษย์ด้วยกัน
สังคมปัจจุบันกำลังจำกัดความรักของหนุ่มสาวเปรียบเสมือนฉันรักเทอ เทอรักฉันแค่นั้นก้อพอแล้ว เมื่อความรักนั้นไม่สมหวังมักจะหลอกตัวเองว่าไม่เป็นไรฉันอยู่ได้มันก้อแค่ผู้ชาย(ห่วยๆ) หรือ ผู้หญิงเลวคนหนึ่ง ฉะไหนมนุษย์บอกว่าความรักคือการให้  
      ความรักของมนุษย์ที่มักบอกว่าความรักคือการให้แท้จริงมันคือกลลวงของชัฏตอน (มารร้าย) ที่จะล่อล่วงมนุษย์ให้มนุษย์มอบทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่คำนึงว่าความรักที่ให้คือความรักที่มันถูกต้องบริสุทธิ์หรือมั้ย เมื่อเราสังเกตุสังคมปัจจุบันแล้วสังคมคือตัวแปรสำคัญในการกำหนดความรักของมนุษย์เรา   
      และบุคคลที่ได้รับผลกระทบของคำว่า ความรักคือการให้นั้น คือ มุสลิมและมุสลีมะัหฺ์ เรานั้นเอง เยาวชนเรานั้นก้อมองว่าความรักคือการให้จิงๆแต่สิ่งที่เยาวชนเราให้นั้นคือความรักแบบให้หมดทุกสิ่งทุกอย่าง เปรียบเสมือนคือให้ทั้งตัวและหัวใจ ไม่สนใจแล้วว่าผลกระทบของการให้ความรักนั้นมันจะมีผลอย่างไร แล้วผลลับที่ได้มาจากความรักอันจอมปลอมคือการจากลาหรือเลิกกัน แล้วฝ่ายที่เสียประโยชน์นั้นคือผู้หญิง ผู้หญิงเปรียบเสมือนดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมเมื่อกลิ่นของดอกไม้ไม่ีมีกลิ่นแล้วก้อจะเปลี่ยนสภาพเป็นแค่ดอกไ้ม้ริมทาง ใครจะเด็ดมาเฉยชมได้ตามสบาย 
       ซึ่งในอิสลามนั้นการที่หนุ่มสาวมองความรัก คือการให้   ถือว่ามันผิดหากตัวของบุคคลสองคนยังไม่แต่งงานอีก แล้วถามเถอะหากคุณชอบพอกันทำมั้ยคุณไม่เข้าไปสู่ขอล่ะ มันเพราะอะไร หรือคุณจะบอกว่านู๋ยังไม่พร้อมผมยังไม่พร้อม นี่หรือคือเหตุผล ถ้าคุณตอบแบบนี้มันไม่ใช่คำตอบของปัญญาชนที่เขาจะตอบกัน 
        เมื่อคุณขึ้นชื่อว่ามุสลิมหรือมุสลีมะห์แล้วคุณต้องประเมินค่าของคุณให้สูงขึ้นอย่าประเมินค่าของคุณให้ต่ำลง ซึ่งสิ่งนี้มันไม่ใช่ความคิดของอิสลาม ฉะนั้นก็ตามความรัก คือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนไขว้คว้าว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร คำตอบของความรักที่แท้จริงนั้นจะหาเจอเมื่อไรขอตอบได้เลยว่าคุณจะเจอความรักที่แท้จริงหลังจากที่คุณได้แต่งงานแล้วเท่านั้น
         เพราะความรักหลังจากแต่งงานนั้นคือการให้  และเป็นความรักที่อัลลอฮฺทรงพอใจ..........ถึงเวลาแล้วที่เยาวชนจะต้องเปลี่ยนอุดมการณ์เสียใหม่อย่าไำปตามกระแสตะวันตกอีกเลย อีกอย่างคุณลองไปถามความรักของคนต่างศาสนนิกกับความรักของอิสลามมันเหมือนกันหรือมั้ย   
        

มุสลิมไปไหนหมด

ฮิญาบเเละนักศึกษา