เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
บล็อกนี้ เป็นบล็อกสำหรับทุกคนที่ต้องการรับรู้ถึงสังคมปัจจุบันว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางใดและสังเกตุพฤติกรรมของมุสลิมในสังคมว่ามีสภาพว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้เพื่อนอิสลามจะคอยเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เข้ามาเยื่ยมชม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คือ เป็นเพื่อนในอิิสลามของคุณตลอดไป และถ้าหากเห็นว่าบล็อกนี้มีประโยชน์ช่วยเม้นให้ด้วยนะ หรือ ถ้าหากจะต้องการเนื้อหาอะไรก็โพสได้นะครับ ยินดีเสมอครับ

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รอฟิเฎาะฮฺ กำเนิดขึ้นเมื่อใด?

من عقائد الشيعة

ความเชื่อบางประการของชีอะฮฺ
อับดุลลอฮฺ บิน มุหัมมัด อัล สะละฟีย์  เขียน
อบู หะสัน  แปล


คำนิยม

กระผมแนะนำหนังสือที่ท่านผู้เขียนได้ส่งมาให้ผม เมื่อ10/2/1418 ฮ.ศ. โดยเฉพาะหนังสือเรื่อง ชีอะฮฺ ผมได้อ่านแล้ว ปรากฏว่าเป็นหนังสือที่ดีและสำคัญ หนังสือเล่มนี้ สมควรอย่างยิ่งที่จะนำไปเผยแผ่ให้แพร่หลายในประเทศซาอุดี อาระเบีย และ โซนประเทศข้างเคียง



อัลหัมดุลิลลาฮฺ หนังสือเล่มนี้ได้ถอดความมาจากต้นฉบับภาษาอาหรับที่มีชื่อว่า มิน อะกออิด อัลชีอะฮฺ”  สำนวนในภาษาไทยเป็นสำนวนที่ผู้แปลได้ตีความหมายมาจากสำนวนเดิม ยังมีบางคำที่ผู้แปลทับศัพท์ในภาษาอาหรับ ทั้งนี้เพราะคำเดิมมีความหมายที่ยากต่อการแปลอย่างตรงตัว อีกทั้งบางคำมีความหมายมากกว่าหนึ่งความหมายในภาษาไทย
ผู้แปลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งานแปลชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์และให้ความกระจ่างแก่ผู้อ่านเกี่ยวกับหลักความเชื่อหรืออะกีดะฮฺของชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม สิ่งใดที่ผู้อ่านเห็นว่าเป็นข้อผิดพลาดในการแปลงานชิ้นนี้ ผู้แปลขอน้อมรับความเห็นและคำแนะนำจากผู้อ่านทุกท่านด้วยความยินดียิ่ง ขอขอบคุณ
อบู หะสัน
4 ญามาดิลเอาวัล 1428

มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺเพียงผู้เดียว  พรอันประเสริฐและความสันติสุขอย่างไม่สิ้นสุดจงมีแด่ท่าน รสูล วงศ์วานของท่าน และบรรดาเศาะหาบะฮฺ

สิ่งที่ชักจูงให้ฉันเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เพราะฉันได้สังเกตเห็นการเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก เพื่อการเผยแผ่และเชิญชวนสู่แนวคิดรอฟิเฎาะฮฺในยุคปัจจุบัน ที่ได้แผ่ขยายไปทั่วทุกมุมโลก ซึ่งนับวันยิ่งทวีคูณ ในขณะที่มุสลิม(ชาวสุนนีย์) ส่วนใหญ่กลับหลับไหล ไม่ยอมรับรู้ถึงอันตรายของพวกรอฟิเฎาะฮฺ และความเชื่อของพวกเขาที่เต็มไปด้วยการตั้งภาคีย์(ชิริก)ต่ออัลลอฮฺ การกล่าวหาอัลกุรอานและใส่ไคล้บรรดาเศาะหาบะฮฺ รวมทั้งความคลั่งไคล้ที่เลยเถิดของพวกเขาในการยกย่องบรรดาอิมาม ดังนั้นจึงเห็นว่าเป็นหน้าที่ของฉันที่จะต้องเขียนสารฉบับนี้ขึ้น เพื่อเป็นคำตอบให้กับความคลุมเครือต่างๆเกี่ยวกับแนวคิดของพวกรอฟิเฎาะฮฺ ด้วยวิธีการเขียนที่รวบรัด ซึ่งเป็นการตามแบบอย่างงานเขียนของ เชค อับดุลลอฮฺ บิน อับดุรเราะห์มาน อัลญับรีน ในหนังสือของท่านที่มีชื่อว่า อัลตะอฺลีก้อต อะลา มัตนิ ลัมอะติล อิอฺติก้อด.

เนื้อหาส่วนใหญ่ได้อ้างมาจากหนังสือที่เป็นที่รู้จัก และเป็นที่ยอมรับของชีอะฮฺเอง และมีบางส่วนที่ได้อิงมาจากหนังสือของ    อุละมาอฺ ชาวสุนนีย์ ซึ่งได้เขียนตอบโต้และให้ความกระจ่างเกี่ยวกับข้อผิดพลาดและความเชื่อผิดๆของชีอะฮฺ ที่หันเหออกจากแนวทางที่เที่ยงแท้ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของการตั้งภาคีย์ต่อ   อัลลอฮฺความคลั่งไคล้ต่อบรรดาอิมามที่เลยเถิด การโป้ปดมดเท็จ การด่าทอ ใส่ไคล้ และบั่นทอนเกียรติอันสูงส่งของบรรดาเศาะหาบะฮฺ

ในหนังสือที่สั้นและกระทัดรัดเล่มนี้ ฉันพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะแฉข้อตำหนิและประณามชีอะฮฺ ด้วยการอิงจากหลักฐานที่น่าเชื่อถือและยอมรับของชีอะฮฺเอง ดังที่ท่าน เชค อิบรอฮีม บิน     สุลัยมาน อัล ญับฮาน ได้กล่าวว่า :  นี่ผู้เป็นชีอะฮฺ! เราจะแฉท่านด้วยปากของท่านเอง.

                ท้ายนี้ ฉันขอวิงวอนเอกองค์อัลลอฮฺ สุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงประทานผลและความดีของหนังสือเล่มนี้ แก่ผู้ที่มีสติในการคิด ดังที่อัลลอฮฺได้ทรงตรัสว่า :

 ( إنَّ فيِ ذَلِكَ لَذِكرى لِمَن كَانَ لَهُ قَلبٌ أو أَلقى السّمعَ وهوَ شَهَيدٌ )
ความว่า : แท้จริงในการดังกล่าว แน่นอนย่อมเป็นข้อตักเตือนแก่ผู้ที่มีหัวใจ หรือผู้รับฟัง และประจักษ์เช่นพยาน”                                (สูเราะฮฺ กอฟ 50:37)

ฉันขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนช่วยในการเขียนหนังสือเล่มนี้ ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนพวกเขา ด้วยคุณความดีในสิ่งที่พวกเขาทำด้วย
พรอันประเสริฐและความสันติสุขอย่างไม่สิ้นสุด  จงมีแด่ท่าน รสูลุลลอฮฺ บรรดาวงศ์วาน และเศาะหาบะฮฺของท่าน.

ผู้เขียน
อับดุลลอฮฺ บิน มุหัมมัด อัลสะละฟีย์


รอฟิเฎาะฮฺ กำเนิดขึ้นเมื่อใด?

ชีอะฮฺรอฟิเฎาะฮฺ เกิดขึ้นหลังจากการปรากฎตัวของชายยิวผู้หนึ่งซึ่งที่มีชื่อว่า อับดุลลอฮฺ บิน สะบะอฺ ซึ่งได้อ้างตนเป็นมุสลิม และอ้างว่ารักและยกย่องครอบครัวอะฮฺลิลบัยต์ มีความคลั่งไคล้ท่าน อาลี รอฎิยัลลอฮฺ อันฮุ อย่างเกินขอบเขต แอบอ้างว่าท่านคือผู้ที่ท่านนบีได้สั่งเสีย (วะศิยะฮฺ) ให้เป็นคอลีฟะฮฺหลังจากท่าน จนกระทั่งได้ ยกสถานภาพความเป็นมนุษย์ของท่านถึงระดับพระเจ้าที่ควรแก่การบูชาในที่สุด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่หนังสือของชีอะฮฺเองต่างยอมรับ

อัล กุมมีย์  ได้กล่าวในหนังสือ อัลมะกอลาต วัลฟิรอก[1] อย่างยอมรับว่า อับดุลลอฮฺ บิน สะบะอฺ นั้นมีตัวตนจริง และยังถือว่าเขาเป็นผู้ที่ริเริ่มนำความเชื่อการเป็นอิมามของท่านอาลี และการกลับมาอีกครั้ง(หลังจากเสียชีวิตในโลกนี้)ของท่านมาเผยแผ่  และยังเป็นผู้ที่ริเริ่มกล่าวร้ายและสาปแช่งท่านอบูบักร อุมัร อุษมาน และบรรดาเศาะหาบะฮฺท่านอื่นๆ. เช่นเดียวกับ อัล นุบัคตีย์  ที่ยอมรับในหนังสือที่มีชื่อว่า ฟิรอกชีอะฮฺ[2] และ อัล กัชชีย์ ในหนังสื ริญาล อัลกัชชีย์[3] และปัจจุบันในบรรดาชีอะฮฺผู้ที่ยอมรับว่า อับดุลลอฮฺ บิน ซะบะอฺ มีตัวตนจริง คือ มุหัมหมัด อาลี อัลมุอัลลิม ในหนังสือของเขาซึ่งมีชื่อว่า “อับดุลลอฮฺ บิน ซะบะอฺ อัลหะกีกะฮฺ อัลมัญฮูละฮฺ” [4] การยอมรับเช่นนี้ถือว่าเป็นหลักฐานที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกท่านที่กล่าวถึงนั้น ล้วนเป็นผู้รู้ชั้นแนวหน้าของรอฟิเฎาะฮฺ
อัล บัฆดาดีย์  กล่าวว่า : อัล สะบะอิยยะฮฺ (หมายถึง รอฟิเฎาะฮฺ) คือผู้ติดตาม (แนวคิดของ) อับดุลลอฮฺ บิน สะบะอฺ ที่เสแสร้งคลั่งไคล้ท่านอาลี รอฎิยัลลอฮฺ อันฮุ อย่างเกินขอบเขต และยังกล่าวอ้างว่าท่านเป็นนบี สุดท้ายถึงกับอ้างว่าท่านอาลีคืออัลลอฮฺ.
อัล บัฆดาดีย์ ยังได้กล่าวอีกว่า : เดิมที อิบนุ เสาดาอฺ (อับดุลลอฮฺ บิน สะบะอฺ) นั้น เป็นยิว ชาว อัล หิรอฮฺ (ในเยเมน) ต่อมาได้แสดงตนเป็นมุสลิม   (ในสมัยการปกครองของเคาะลีฟะฮฺอุษมาน) และมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นผู้นำที่น่านับถือและยกย่องในหมู่ชาวกูฟะห์(เมืองหนึ่งในอิรัก) จึงได้(กุเรื่อง)บอกแก่คนเหล่านั้นว่า เขาได้พบการยืนยันในคัมภีร์เตารอตว่า สำหรับนบีแต่ละท่านนั้นจะมีผู้ถูกสั่งเสีย (วะศิยัตให้เป็นผู้สืบทอดหรือเคาะลีฟะฮฺหลังการเสียชีวิต) และแท้จริง อาลี รอฎิยัลลอฮฺ อันฮุ คือผู้ที่ท่านนบีได้สั่งเสีย(ให้สืบทอดตำแหน่ง) ต่อจากท่าน ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม.
อัล ชิฮฺริสตานีย์ ได้กล่าวถึงอิบนุ สะบะอฺว่า เขาคือผู้ที่ริเริ่มโพนทนาว่า การเป็นอิมามของท่านอาลี (ต่อจากท่านรสูล) ด้วยหลักฐานที่ชัดเจนจากอัลลอฮฺ และท่านยังกล่าวถึงกลุ่มสะบะอิยะฮฺว่า : เป็นกลุ่มแรกที่เชื่อว่ามีการหยุดชะงักของอิมามคนสุดท้ายด้วยหายตัวของอาลีและการกลับมาอีกครั้งของท่าน ต่อมาความเชื่อดังกล่าวได้ตกทอดมายังกลุ่มชีอะฮฺ ถึงแม้จะมีการขัดแย้งกันระหว่างชีอะฮฺเอง และแตกออกเป็นกลุ่มต่างๆก็ตาม -. ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงที่มาจากการกระทำของ อับดุลลอฮฺ บิน สะบะอฺ ที่ได้ทิ้งไว้  หลังจากนั้นชีอะฮฺได้แตกออกเป็นกลุ่มต่างๆที่มีความเชื่อที่แตกต่างกันออกเป็นสิบๆแนวคิดและความเชื่อ จนกระทั่งเวลานี้
ดังนี้แหละคือที่มาของการอุตริของชีอะฮฺเกี่ยวกับ (ความเชื่อในเรื่อง) การสั่งเสีย การกลับมาอีกครั้งของท่านอาลี  การหายตัวอย่างลึกลับของอิมามคนสุดท้าย รวมทั้งการอ้างความเป็นพระเจ้าของบรรดาอิมาม [5]   ล้วนมาจากการอุตริของชาวยิวที่ชื่อ          อับดุลลอฮฺ บิน สะบะอฺ ทั้งสิ้น.

*****


[1] ดู : อัลมะกอลาต วัลฟิรอก  โดย อัล กุมมีย์ หน้า 10-21
[2] ดู : ฟิรอก อัลชีอะฮฺ   โดย อัน นุบัคตีย์ หน้า 19-20
[3] ดู : หนังสือเล่มดังกล่าวในสายรายงานหมายเลข 170-174 หน้า 106-108
[4] หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือตอบโต้หนังสือที่มีชื่อว่า “อับดุลลอฮฺ บิน สะบะอฺ วา อะสาตีร อุคฺรอ” ที่เขียนโดยชาวชีอะฮฺชื่อ มุรตาฏอ อัลอัสกะรีย์ ซึ่งได้กล่าวถึงการที่เขาปฎิเสธต่อการมีตัวตนของ อับดุลลอฮฺ บิน สะบะอฺ
[5] ดู : อุศูล อิอฺติกอด อะฮฺลุส สุนนะฮฺ วัลญะมาอะฮฺ   โดย อัล ลาละกาอีย์ เล่ม 1  หน้า 22-23



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น