เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
บล็อกนี้ เป็นบล็อกสำหรับทุกคนที่ต้องการรับรู้ถึงสังคมปัจจุบันว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางใดและสังเกตุพฤติกรรมของมุสลิมในสังคมว่ามีสภาพว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้เพื่อนอิสลามจะคอยเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เข้ามาเยื่ยมชม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คือ เป็นเพื่อนในอิิสลามของคุณตลอดไป และถ้าหากเห็นว่าบล็อกนี้มีประโยชน์ช่วยเม้นให้ด้วยนะ หรือ ถ้าหากจะต้องการเนื้อหาอะไรก็โพสได้นะครับ ยินดีเสมอครับ

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อุลามาอ์รุ่นก่อนและรุ่นหลังมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรอฟิเฎาะฮฺ ?

อุลามาอ์รุ่นก่อนและรุ่นหลังมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับรอฟิเฎาะฮฺ ?

อิบนุ ตัยมียะห์ ได้กล่าวว่า : เหล่าผู้รู้เกี่ยวกับสายรายงาน ได้มีความเห็นพ้องกันว่า พวกรอฟีเฎาะห์เป็นพวกที่โป้ปดที่สุด นิสัยโกหกในพวกเขามีมาตั้งแต่นมนาน ดังนั้นบรรดาผู้นำในอิสลามจึงยกให้พวกเขาเป็นพวกที่โกหกมากที่สุด
อัชฮับ บิน อับดุลอะซีซ ได้กล่าวว่า : มีคนถาม อิมาม มาลิก เกี่ยวกับรอฟิเฎาะฮฺ ท่านตอบว่า : จงอย่าพูดกับพวกเขา อย่าได้รายงานจากพวกเขา เพราะพวกเขาพูดปด ท่านยังกล่าวว่า : ผู้ที่ด่าทอเหล่าศอหาบะฮฺของท่านรสูล ไม่มีชื่อหรือฐานะของเขาในอิสลาม
ในดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า

 (مُحَمَّدٌ رَسُولُ اللَّهِ وَالَّذِينَ مَعَهُ أَشِدَّاءُ عَلَى الْكُفَّارِ رُحَمَاءُ بَيْنَهُمْ تَرَاهُمْ رُكَّعًا سُجَّدًا يَبْتَغُونَ فَضْلًا مِنَ اللَّهِ وَرِضْوَانًا سِيمَاهُمْ فِي وُجُوهِهِمْ مِنْ أَثَرِ السُّجُودِ ذَلِكَ مَثَلُهُمْ فِي التَّوْرَاةِ وَمَثَلُهُمْ فِي الْإِنْجِيلِ كَزَرْعٍ أَخْرَجَ شَطْأَهُ فَآَزَرَهُ فَاسْتَغْلَظَ فَاسْتَوَى عَلَى سُوقِهِ يُعْجِبُ الزُّرَّاعَ لِيَغِيظَ بِهِمُ الْكُفَّارَ وَعَدَ اللَّهُ الَّذِينَ آَمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ مِنْهُمْ مَغْفِرَةً وَأَجْرًا عَظِيمًا )

ความว่า : มุหัมหมัดนั้นคือรสูลของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ท่าน ล้วนเข้มแข็งกล้าหาญต่อพวกปฏิเสธ เป็นผู้ที่ปราณีระหว่างพวกเขา เจ้าจะเห็นพวกเขาเป็นผู้ที่ชอบก้มกราบ เพื่อแสวงหาความประเสริฐจากอัลลอฮฺ และความพอพระทัยจากพระองค์ สัญลักษณ์แห่งการสุญูดจะเห็นได้บนใบหน้าของพวกเขา นั่นคืออุปมาของพวกเขาในคัมภีร์เตารอต ส่วนอุปมาของพวกเขาในคัมภีร์อินญีลนั้น พวกเขาประหนึ่งเป็นเมล็ดพืชที่แตกกิ่งก้านออกมาได้งอกงาม จนเติบโตแข็งแรง และทรงตัวอยู่บนลำต้น ซึ่งนำความปลื้มปิติมาให้แก่ผู้หว่าน เพื่อที่จะสร้างความเคียดแค้นในหมู่ผู้ปฏิเสธการศรัทธา       
                                              [ อัล ฟัตห์ 48 : 29 ]

อิบนุ กะษีร ได้ให้การอธิบายโองการนี้ว่า : จากโองการนี้       อิมาม มาลิก ในสายรายงานหนึ่ง ได้มีความเห็นว่า พวกรอฟิเฎาะฮฺที่ชิงชังบรรดาศอหาบะฮฺนั้นก็คือพวกปฏิเสธที่ตกศาสนา เพราะพวกเขาเคียดแค้นศอหาบะฮฺ และผู้ใดที่โกรธแค้นศอหาบะฮฺ คนผู้นั้นก็คือกาฟิรตามโองการนี้
อัล กุรตุบีย์ กล่าวว่า : อิมาม มาลิก มีความคิดเห็นที่ดีและถูกต้องในการอธิบายโองการนี้ ผู้ใดที่บั่นทอนศอหาบะฮฺท่านใด หรือกล่าวหาพวกท่านในการรายงานและการเผยแพร่ แน่นอนคนผู้นั้นย่อมต้องเป็นผู้ที่ต่อสู้กับองค์อภิบาลแห่งสากลจักรวาล และไม่ยอมรับบัญญัติของชนมุสลิม [1]
อบู ฮาติม ได้กล่าวว่า : หัรมะละห์ ได้เล่าให้เราฟังว่า : ฉันได้ฟัง อิมาม ชาฟีอีย์  กล่าวว่า : ฉันไม่เคยพบผู้ใดที่ประจักษ์ในการโป้ปดมากกว่ารอฟิเฎาะฮฺ
มุอัมมัล บิน อะฮาบ กล่าวว่า : ฉันได้ฟัง ยาซีด บิน ฮารูน กล่าวว่า : สามารถที่จะบันทึกจากผู้ที่ทำบิดอะห์ได้ทุกคน ถ้าเขาไม่ใช่ผู้ที่เชิญชวนสู่การเป็นรอฟิเฎาะฮฺ เพราะคนพวกนี้โกหก
มุหัมมัด บิน ซะอีด อัล อัศบะฮานีย์ ได้เล่าว่า : ฉันได้ฟัง ชะรีก บิน อับดุลลอฮฺ  (ผู้เป็นผู้พิพากษาแห่งกูฟะห์) กล่าวว่า : จงรับความรู้จากทุกคนที่ท่านเจอยกเว้นรอฟิเฎาะฮฺ เพราะพวกเขาปั้นแต่งหะดีษ และถือว่านั่นเป็นศาสนา
มุอาวิยะห์ ได้เล่าว่า : ฉันได้ฟัง อัล อะมัช กล่าวว่า : ผู้คนมากมายที่ฉันได้พบ ไม่ได้เรียกพวกเขาด้วยชื่อใดเลยนอกจากชื่อ จอมโกหก
คนที่ท่านหมายถึงก็คือ พรรคพวกของอัล มุฆีเราะฮฺ บิน สะอีด ผู้เป็นรอฟิเฎาะฮฺ ดังที่อัซ ซะฮาบีย์ ได้กล่าวไว้ [2]
อิบนุ ตัยมียะห์ ได้ให้ข้อสังเกตต่อคำพูดเหล่านี้ว่า : ส่วนรอฟิเฎาะฮฺนั้น ต้นตอของมันมาจากการต่อต้านความจริง หันเห และจงใจ การโกหกเป็นสิ่งที่มีอยู่มากในพวกเขา พวกเขาเองยอมรับในสิ่งนี้ ด้วยการกล่าวว่า การเสแสร้งคือศาสนาของพวกเรา นั่นคือการที่ผู้ใดผู้หนึ่งพูดในสิ่งที่ขัดกับความในใจ และนี่คือการโป้ปดและสับปลับ(นิฟาก) พวกเขาจึงเป็นเหมือนคำเปรยที่ว่า : มันใส่พิษให้ฉัน จนค่อยๆ แผ่ทั่ว [3]
อัลดุลลอฮฺ บิน อะห์มัด บิน ฮันบัล ได้เล่าว่า ฉันได้ถามบิดาของฉันถึงพวกรอฟิเฎาะฮฺ  ท่านตอบว่า : พวกเขาคือพวกที่ด่าทอ และสาปแช่งอบู บักร และอุมัร ท่านยังถูกถามถึง อบู บักร และอุมัรด้วย ท่านตอบว่า : จงกล่าวดุอาและขอความเมตตาให้กับทั้งสอง และจงห่างไกลจากพวกที่เกลียดชังคนทั้งสอง [4]
อัล คอลฺลาล ได้รายงานจาก อบูบักร อัลมิรวาซีย์ ว่าท่านได้ถาม อบู อับดิลลาฮฺ (หมายถึง อิมามอะห์มัด) ถึงผู้ที่ด่าทอ อบูบักร อุมัร และอาอิชะฮฺ ท่านตอบว่า : ฉันไม่เห็นว่าเขาเป็นมุสลิม [5]
จาก อัล คอลลาล อีกเช่นกัน เล่าว่า ฮัรบฺ บิน อิสมาอีล อัล กัรมานีย์ ได้เล่าให้ฉันฟังจาก มูซา บิน ฮารูน บิน  ซิยาด ว่า :  ฉันได้เห็นชายคนหนึ่งถาม อัล ฟิรยาบี ถึงผู้ที่ด่าทอ อบู บักร ท่านตอบว่า : เขาเป็นกาฟิร คนผู้นั้นถามต่อว่า : เราละหมาดศพเขาได้ไหม ? ท่านตอบว่า : ไม่ได้ [6]
ครั้งหนึ่ง อิบนุ หัซมี  ได้โต้เถียงกับชาวคริสต์ คนผู้นั้นได้นำหนังสือของพวกรอฟิเฎาะฮฺมาโต้แย้งท่าน ท่านกล่าวว่า : แท้จริงรอฟิเฎาะฮฺไม่ใช่มุสลิม คำพูดของพวกเขาไม่ใช่หลักฐานที่อ้างอิงได้ แต่พวกเขาคือคนพวกหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังการเสียชีวิตของท่านศาสดา ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม ถึง 25 ปี การเริ่มต้นของพวกเขาก็คือ ตอบรับคำเชิญชวนของผู้ที่ต้องการทำลายอิสลาม พวกเขาเป็นชนที่เหมือนยิวและคริสต์ ในการบอกปัดและปฏิเสธการศรัทธา [7]
อบู ซุรอะฮฺ  อัรรอซีย์ ได้กล่าวว่า : ถ้าเมื่อใดท่านเห็นใครบั่นทอนเกียรติของศอหาบะฮฺผู้ใดผู้หนึ่ง จงรับรู้เถิดว่า เขาผู้นั้นคือผู้ที่หันเหและปฏิเสธความถูกต้องยิ่งนัก
มีคำถามมาถึง องค์กรเพื่อการออกฟัตวาแห่งอาณาจักรซาอุดิอารเบีย ว่า ผู้ถามและพรรคพวกอาศัยอยู่บริเวณเขตแดนทางด้านเหนือที่ติดต่อกับอิรัก และมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งเรียกกันว่า ญะฟารียะห์ มีบางคนที่กินสัตว์เชือดของพวกเขา และมีบางคนที่ไม่กิน คำถามก็คือ เราสามารถที่จะกินสัตว์เชือดของพวกเขาได้หรือไม่ ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าพวกเขากระทำการขอดุอาจากท่านอลี หะสัน, หุเสน และบรรดาผู้นำของพวกเขา ทั้งเวลาทุกข์และสุข ? ทางองค์กรซึ่งนำโดย ท่าน เชค อับดุลอาซีซ บิน อับดุลลอฮฺ บิน บาซ, เชค อับดุลรอซาก อาฟีฟี, เชค อับดุลลอฮฺ บิน ฆุดอยยาน และ เชค อัลดุลลอฮฺ บิน กออูด ได้ให้คำตอบว่า : การสรรเสริญเป็นสิทธิแห่งอัลลอฮฺ และขอศอละวาตรวมทั้งสลามแก่ท่านรสูล บรรดาครอบครัว และศอหาบฮฺของท่าน คำตอบก็คือ ถ้าการเป็นเช่นนั้นจริง พวกเขาต้องเป็นผู้ตั้งภาคี และตกศาสนา ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครองเรา- เราไม่สามารถที่จะกินสัตว์เชือดของพวกเขาได้ เพราะมันเป็นซากสัตว์ ถึงแม้พวกเขาจะกล่าวนามของอัลลอฮฺก็ตาม [8]
ได้มีคำถามถึงเชค อับดุลลอฮฺ บิน อัล ญับรีน ว่า : ในเมืองของเรามีชายผู้หนึ่งเป็นรอฟิเฎาะฮฺทำงานเป็นนักเชือดสัตว์ และมีชาวสุนนีย์ที่นำสัตว์ไปเชือดกับเขา อีกทั้งมีร้านอาหารอีกหลายร้านที่รับเนื้อมาจากเขา และยังมีรอฟิเฏาะฮฺอีกหลายคนที่ยึดอาชีพนี้เหมือนเขาคนนั้น คำถามก็คือ เราควรจะทำอย่างไร และสัตว์เชือดของเขาเป็นที่หะลาลหรือหะรอม? ขออัลลอฮฺทรงประทานเตาฟิก
ท่านตอบว่า : การเชือดและสัตว์เชือดของรอฟิเฎาะฮฺไม่เป็นที่หะลาล เพราะรอฟิเฎาะฮฺ ส่วนใหญ่เป็นมุชริก (ผู้ตั้งภาคี) ด้วยการขอดุอาจากอาลี บิน อบี ตอลิบ  ทั้งยามทุกข์และสุข แม้กระทั่ง ในทุ่งอารอฟะห์ ในตอวาฟ และเดินซะแอ ระหว่างศอฟา และมัรวะห์ อีกทั้งยังขอจากลูกๆ ของท่าน และบรรดาอิมามของพวกเขา เหมือนที่เราเคยได้ยินบ่อยครั้ง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการตั้งภาคีที่ใหญ่หลวงและเป็นการตกมุรตัด ออกจากศาสนาอิสลาม สมควรที่ต้องโทษประหารเพราะเหตุดังกล่าว
เช่นเดียวกับที่พวกเขามีความเชื่อเลยเถิดต่อท่านอาลี และให้คุณลักษณะที่ไม่ควรให้นอกจากกับองค์อัลลอฮฺเท่านั้น ดังที่เราเห็นในวันอารอฟะห์ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเป็นพวกที่ตกศาสนา เพราะได้ถือว่าอาลี เป็นผู้อภิบาลและผู้สร้าง ที่มีสิทธิในจักรวาล รู้ความลับทั้งหมด มีสิทธิในสิ่งดีและสิ่งชั่วร้าย
อีกทั้งพวกเขายังกล่าวหาในความบริสุทธิ์ของอัลกุรอาน กล่าวหาว่าศอหาบะฮฺได้ปั้นแต่งแก้ไขมัน และยังลบหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวกับอะฮฺลิลบัยต์และศัตรูของพวกเขาทิ้ง พวกเขาจึงไม่ติดตามศอหาบะฮฺ และไม่ถือว่าเป็นหลักฐานในการยึดมั่น
พวกเขายังกล่าวหาบรรดาศอหาบะฮฺชั้นผู้ใหญ่ เช่น คอลีฟะห์ทั้งสาม และผู้ที่ได้รับการประกันสวรรค์ทั้งสิบคนที่เหลือ รวมทั้งอุมมะฮาตุลมุมินีน(บรรดาภริยาของท่านรสูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะสัลลัม) ศอหาบะฮฺผู้มีชื่อ เช่น อะนัส, ญาบิร,อบู ฮุรอยเราะห์ โดยที่พวกเขาไม่รับการรายงานจากคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาถือว่าทั้งหมดเป็นกาฟิร พวกเขาไม่รับหะดีษที่รายงานโดย       บุคอรีย์และมุสลิมซึ่งเป็นหะดีษศอฮีฮฺ นอกเสียจากรายงานที่มาจากอะห์ลิลบัยต์ พวกเขายึดกับหะดีษที่ถูกปั้นแต่งขึ้น หรือไม่มีหลักฐานในคำพูดของพวกเขา แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็โกหกและกล่าวด้วยคำพูดในสิ่งที่ขัดกับความในใจ พวกเขาซ่อนสิ่งที่พวกเขาไม่เปิดเผย พวกเขาใช้กฏว่า ใครไม่เสแสร้งก็ไม่มีศาสนาสำหรับเขา ดังนั้นอย่าได้ยอมรับการอ้างว่าเป็นพี่น้อง หรือความรักใคร่จากพวกเขา เพราะการสับปลับเป็นความเชื่อของพวกเขา ขออัลลอฮฺทรงปกป้องจากชั่วร้ายของพวกเขา ขออัลลอฮฺทรงประทานศอลาวาตและสลามแก่ท่านรสูล บรรดาครอบครัว และศอหาบะฮฺของท่าน [9]

*****


[1] ดู อุศูล มัซฮับ อัชชีอะฮฺ อัลอิมามียะฮฺ อัลอิษนัย อะชะรียะฮฺ  โดย ดร.นาศิร อัลกอฟารีย์ (3/1250)
[2] ดู มินฮาจ อัสสุนนะห์  ของ อิบนุ ตัยมียะห์ (1/59-60)
[3] ดู มินฮาจ อัสสุนนะห์  ของ อิบนุ ตัยมียะห์ (1/68)
[4] ดู อัลมะสาอิล วัรรอสาอิล อัลมัรวียะห์ อัน อัลอิมาม อะห์มัด                โดย อับดุลลอฮฺ  บิน อะห์มัด บิน ฮันบัล (2/357)
[5] ดู อัสสุนนะห์ ของ อัล คอลลาล (3/493) และนี่เป็นคำพูดที่ชัดแจ้งจาก      อิมาม อะห์มัด ว่ารอฟิเฎาะฮฺเป็นกาฟิร
[6] หนังสือเล่มเดียวกัน (3/499)
[7] ดู อัลฟัศลุ ฟี อัลมิลัล วันนะห์  โดย อิบนุ หัซมี (2/78)
[8] หนังสือรวมฟัตวาของ องค์กรเพื่อการออกฟัตวา เล่ม 2 หน้า 264
[9] เป็นคำตอบที่ท่านตอบเมื่อครั้งที่ถูกถามเรื่องรอฟิเฏาะฮฺในปี1414 ฮศ. สิ่งที่อยากทำความเข้าใจก็คือ มิใช่ท่านเชคผู้เดียวที่เห็นว่ารอฟิเฎาะฮฺเป็นกาฟิร  บรรดาผู้นำศาสนาทั้งรุ่นก่อนและหลัง ต่างมีความเห็นเดียวกันทุกคน ด้วยเหตุที่ว่าหลักฐานและความถูกต้องอันชัดแจ้งได้มาถึงแก่พวกรอฟิเฎาะฮฺแล้ว และพวกเขาก็ไม่ใช่ผู้คนที่ไม่รู้ความจริงนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น