เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
บล็อกนี้ เป็นบล็อกสำหรับทุกคนที่ต้องการรับรู้ถึงสังคมปัจจุบันว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางใดและสังเกตุพฤติกรรมของมุสลิมในสังคมว่ามีสภาพว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้เพื่อนอิสลามจะคอยเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เข้ามาเยื่ยมชม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คือ เป็นเพื่อนในอิิสลามของคุณตลอดไป และถ้าหากเห็นว่าบล็อกนี้มีประโยชน์ช่วยเม้นให้ด้วยนะ หรือ ถ้าหากจะต้องการเนื้อหาอะไรก็โพสได้นะครับ ยินดีเสมอครับ

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

อะไรคือความเชื่อของรอฟิเฎาะฮฺเกี่ยวกับเมือง นัจฟ และ กัรบาลาอ์ และมีความพิเศษในการเยี่ยมเยียนเมืองเหล่านี้เช่นไร ?

อะไรคือความเชื่อของรอฟิเฎาะฮฺเกี่ยวกับเมือง นัจฟ และ กัรบาลาอ์ และมีความพิเศษในการเยี่ยมเยียนเมืองเหล่านี้เช่นไร ?

พวกชีอะฮฺได้ถือเอาสุสานและหลุมศพของบรรดาอิมาม ทั้งที่พวกเขาอ้างและที่มีจริง ว่าเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ทั้ง กูฟะห์ กัรบาลาอ์ และ กุมม์ พวกเขาได้รายงานจาก อัศ ศอดิก ว่า หะรอมของอัลลอฮฺคือมักกะฮฺ หะรอมของรสูลคือมาดีนะห์ หะรอมของอมีรุลมุอ์มีนีนคือกูฟะห์ และของพวกเราคือกุมม์
กัรบาลาอ์ ในความเชื่อของพวกเขาดีกว่า กะอฺบะฮฺ ในหนังสือ บิหาร อัลอันวาร จาก อบี อับดิลลาฮฺ กล่าวว่า : แท้จริงอัลลอฮฺได้ตรัสแก่กะอฺบะฮฺว่า ถ้าไม่มีดินแห่งกัรบาลาอ์ เราคงไม่ให้ความสำคัญแก่เจ้า และถ้าไม่มีผู้ที่พำนักอยู่ในกัรบาลาอ์ เราคงจะไม่สร้างเจ้าและบ้านที่เจ้าอวดด้วย ดังนั้นจงนิ่งและสงบเฉย และจงถ่อมตนอย่าได้อวดและเย่อหยิ่งกับดินแดนกัรบาลาอ์ มิเช่นนั้นเราจะโกรธและส่งเจ้าไปลงนรกโลกันตร์ [1]
นอกเหนือจากนี้ ชีอะฮฺรอฟิเฏาะฮฺได้ถือว่า การไปเยี่ยมสุสานของหุเสนที่กัรบาลาอ์ดีกว่าการปฏิบัตหลักการอิสลามประการที่ห้านั้นคือบำเพ็ญฮัจญ์ ณ นครมักกะฮฺ
อัลมัจลิซีย์ ได้กล่าวในหนังสือ บิหาร อัลอันวาร จากบะชีร อัดดะฮาน เล่าว่า ฉันกล่าวแก่ อบี อับดิลลาฮฺ ว่า หากฉันพลาดโอกาสไปประกอบพิธีฮัจญ์ ฉันต้องไปสุสานหุเสนใช่ไหม? อบี อับดิลลาฮ ตอบว่า : โอ้ บะชีร! คุณทำถูกต้องแล้ว ไม่ว่ามุอฺมินคนใดที่มาเยี่ยมสุสานหุเสน นอกเหนือจากวันอีด โดยที่เขาว่าต้องปฏิบัติเช่นนั้น เขาจะได้รับการตอบแทนเท่ากับการประกอบพิธีฮัจญ์ยี่สิบครั้ง และอุมเราะห์ที่อัลลอฮฺทรงตอบรับอีกยี่สิบครั้ง และการทำสงครามพร้อมกับรสูลหรือผู้นำที่ยุติธรรมยี่สิบครั้ง และผู้ใดที่มาเยี่ยมสุสานหุเสนในวันอะรอฟะห์(วันที่9ของเดือนซุลฮิจญะห์)ด้วยที่เขารู้หน้าที่นั้น เขาจะได้รับการตอบแทนเท่ากับการประกอบพิธีฮัจญ์หนึ่งพันครั้ง และอุมเราะห์อีกหนึ่งพันครั้งที่อัลลอฮฺทรงตอบรับ และการทำสงครามพร้อมกับรสูลหรือผู้ที่ยุติธรรมหนึ่งพันครั้ง
ในอ้างอิงเดียวกัน พวกชีอะฮฺได้กล่าวว่า ผู้ที่ไปเยี่ยมสุสาน หุเสน ที่ กัรบาลาอ์ ล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ และผู้ที่ไปวุกูฟในวันอารอฟะห์นั้นคือลูกหลานซีนา(ผิดประเวณี) ขออัลลอฮทรงให้เรารอดพ้นจากความเชื่อของชีอะฮฺดังกล่าว!!
อาลี บิน อัสบาต รายงานจาก อบี อับดิลลาฮฺ ว่า : แท้จริงอัลลอฮฺ ตะบารอกาวะตะอาลา จะทรงมองไปยังบรรดาที่ไปเยี่ยมสุสานหุเสนก่อนไปมองอารอฟะห์” ฉันถาม อบู อับดิลลาฮฺ ว่า : พระองค์อัลลอฮฺทรงจะมองมายังเราก่อนผู้ที่ไปวุกูฟที่อารอฟะห์ใช่ไหม? อบู อับดิลลาฮฺ ตอบว่า : ใช่ ฉันถามต่ออีกว่า “เป็นอย่างนั้นได้เช่นไร? อบู อับดิลลาฮฺ ตอบว่า : เพราะพวกเขานั้นเป็นลูกซินา แต่พวกเรามิใช่ลูกซินา”[2] 
นอกเหนือจากนี้ อาลี อัลสิสตานีย์ ซึ่งเป็นที่อ้างอิงของชาวชีอะฮฺ ในหนังสือของเขา มินฮาจ อัศศอลิฮีน เห็นว่าการละหมาดที่ ณ สถานที่หุเสนเสียชีวิตดีกว่าละหมาดที่มัสยิด!!
อาลี อัลสิสตานีย์ ได้กล่าวใน หัวข้อหมายเลข 562 ว่า สุนัตให้ทำการละหมาด ณ สถานที่ที่บรรดาอิมามเสียชีวิตด้วยการชะฮีด กระนั้น ยังดีกว่าการละหมาดที่มัสยิด และยังมีการรายงานว่าการละหมาด ณ สุสาน อาลี บิน อบี ตอลิบ ดีกว่าละหมาดที่มัสยิดสองแสนเท่า [3]
อับบาส อัลกาชานีย์ ซึ่งเป็นผู้รู้ของชีอะฮฺได้ยึดถือต่อกัรบาลาอ์ ด้วยความเลยเถิด เขาได้กล่าวในหนังสือ มะศอบีห์ อัล ญะนาน ว่า : ไม่เป็นที่สงสัยว่า กัรบาลาอ์ เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในอิสลาม ฉันได้อ้างถึงหลักฐานที่มีสายรายงานเรื่องสถานที่แห่งนี้มากกว่าสถานที่ใดในโลกนี้ เนื่องจากว่าดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นดินแดนที่ได้รับการถูกเลือกด้วยความประเสริฐ ศักดิ์สิทธิ์ และสันติ เช่นเดียวกับมักกะฮฺดินแดนแห่งอัลลอฮฺ และมาดีนะห์ดินแดนแห่งรสูล นั้นคือสถานที่ที่อัลลอฮฺทรงชอบที่อยากให้บ่าวของพระองค์ทำการอิบาดะห์และดุอาต่อพระองค์ ซึ่งดินที่กัรบาลาอ์นั้นเป็นยารักษาโรค ด้วยเหตุนี้แหละทำให้กัรบาลาอ์เป็นจุดเด่น ซึ่งไม่มีสถานที่ใดในโลกนี้จะเทียบเท่ากับดินแดนแห่งนี้ได้ แม้กระทั้ง กะอฺบะฮฺ  [4]
ในหนังสือ อัล มิซาร์  ของ มุหัมมัด อัน นุมาน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อัช เชคุล มุฟีด มีกล่าวในบทที่ว่าด้วย ความประเสริฐของมัสยิดกูฟะห์ จาก อบี ญะฟัร อัลบากิร กล่าวว่า หากผู้คนรับรู้ถึงความประเสริฐของสิ่งที่มีอยู่ในมัสยิดกูฟะห์ แน่นอนเขาจะต้องเตรียมยานพาหนะพร้อมสำภาระจากสถานที่ที่ห่างไกล เพื่อมายังมัสยิดกูฟะห์ แท้จริงการละหมาดฟัรฏูในมัสยิดกูฟะห์เทียบเท่ากับการทำฮัจญ์ และการละหมาดสุนัตเทียบเท่าอุมเราะห์ [5]
ในอ้างอิงเดิม ในบทที่ว่าด้วย คำพูดเมื่อยืนอยู่ ณ ที่เกิดเหตุนั่นคือผู้มาเยือนหลุมฝังศพหุเสน ต้องชี้ไปด้วยมือขวา และกล่าวดุอาที่ยาวเหยียด และส่วนหนึ่งของบทดุอาก็คือ และฉันได้มาเยือนท่าน เพื่อใคร่วอนความมั่นคงในการอพยพมาสู่ท่าน และฉันมั่นใจอย่างเหนียวแน่นว่าองค์อภิบาลจะคลายความทุกข์ด้วยสิทธิของท่าน พระองค์จะส่งความเมตตาเพราะมีท่าน พระองค์ทรงกำกับผืนแผ่นดินไม่ให้วินาศ ด้วยเหตุที่มีท่านอยู่ พระองค์ทรงตรึงภูเขาไว้ให้ยืนหยัดด้วยท่านอีกเช่นกัน แน่แท้ ฉันได้ขอไปยังพระองค์ ด้วยสิทธิ์แห่งท่าน เพื่อความลุล่วงในการงานทุกประการ และขอผ่อนโทษจากความผิดและบาปทั้งปวง [6]
ท่านผู้อ่านจงดูเถิด คนเหล่านี้ได้ตกลงไปในหลุมแห่งการตั้งภาคีเช่นไร พวกเขาได้ขอจากสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ และขอการอภัยโทษจากมนุษย์ ในขณะที่อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
 (وَمَنْ يَغْفِرُ الذُّنُوبَ إِلَّا اللَّهُ )
ความว่า : และไม่มีผู้ใดอีกที่อภัยโทษได้ นอกเสียจากอัลลอฮฺ                         ] อัล อิมรอน 3 : 135 ]

ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้เรารอดพ้นจากชีริกด้วยเถิด อามีน

*****



[1] หนังสือ บิหาร อันอันวาร (10/107)
[2] บิหาร อัลอันวาร โดย อัลมัจลิซีย์ 85/98
[3] ดู มะศอบีห์ อัล ญะนาน โดย อับบาส อัล กาชานีย์ หน้า 360
[4] ดู มะศอบีห์ อัล ญะนาน โดย อับบาส อัล กาชานีย์ หน้า 360
[5] ดู อัล มิซาร์  โดย มุหัมมัด อัน นุมาน หน้า 20
[6] ดู อัล มิซาร์  หน้า 99

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น