โดยอาจารย์ รอฟลี แวหะมะ อาจารย์ประจำคณะวิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์อิสลาม โดยเฉพาะ
12. การเลือกฮะซันเป็นคอลีฟะฮ์
จากการที่ท่านคอลีฟะฮ์อาลีไม่ยอมที่จะเสนอชื่อใครเป็นคอลีฟะฮ์ขึ้นมาสืบทอดต่อจากท่านและต้องการที่จะปฏิบัติตามท่านนบี ในการปล่อยเรื่องนี้ให้อยู่กับประชาชน ดั้งนั้น คำตอบของท่านต่อประชาชนที่ขอให้ท่านเสนอชื่อผู้ที่จะขึ้นมาสืบอำนาจต่อจากท่านก็คือ “ไม่ ฉันจากพวกท่านเช่นเดียวกับที่ท่านนบี ได้จากพวกท่านไป หากอัลลอฮ I ทรงประสงค์พระองค์ก็จะทรงให้พวกท่านเห็นพ้องต้องกันในการเลือกคนดีที่สุดที่เหมาะสมเช่นเดียวกับที่พวกท่านได้ตกลงเลือกคนดีที่สุดหลังจากท่านนบี “แต่ผู้คนก็ให้สัตย์สาบานจงรักภัคดีต่อหะซันในวันที่ท่านอาลีได้รับบาดเจ็บสาหัส วันนั้นเป็นวันศุกร์ที่ 17 ของเดือนเราะมะดอน ฮ.ค.40 / 24 มกราคม ค.ศ. 661
อิบนุ กะษีร ได้รายงานเหตุการณ์ในรายละเอียดไว้ว่า “ หลังจากอาลีเสียชีวิต (และฮะซันได้รับเลือกให้เป็นคอลีฟะฮ์ ) กออิส บิน ซะด์ บิน อิบาด๊ะได้เริ่มกดดันฮะซันให้ทำสงครามกับพวกซีเรีย ฮะซันไม่ยอม แต่ผู้คนก็ยังยืนยันในความต้องการของพวกตนและได้มาชุมนุม กันรอบๆ ฮะซันเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในที่สุด ฮะซันก็ได้สั่งให้ทหารทัพหน้าจำนวน 12,000 คนภายใต้การนำของกออิส บินซะด์ มุ่งหน้าไปก่อน ส่วนตัวฮะซันเองนำกองกำลังหลักไปเผชิญหน้ากับมุอาวิยะฮและกองทัพซีเรีย เมื่อมาถึงเมืองมะดาอิน เขาก็ตั้งค่ายพักและสั่งให้กองทัพหน้าค้างแรมอยู่ข้างหน้า”
“ ขณะที่ตั้งค่ายที่มะดาอิน มีใครบางคนได้ส่งเสียงร้องออกมาว่ากออิสถูกฆ่า จึงก่อให้เกิดความสับสนอลหม่านขึ้นในกองทัพและปล้นชิงซึ่งกันและกัน จนถึงขนาดที่ว่าคนพวกนี้ได้รื้อเต็นท์ที่พักของฮะซัน และพยายามฉกชิงพรมที่ฮะซันกำลังนั่งอยู่ ทำให้หลายคนได้รับบาดเจ็บ ฮะซันเองก็ได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่ไม่สาหัส ฮะซันจึงลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังวังในมะดาอิน มุคตาร์ บิน อุบัยด๊ะฮ ได้บอกซะด์ บิน มัศอูดลุงของเขาซึ่งเป็นผู้ปกครองเมืองมะดาอิน ได้บอกลุงของเขาว่า “ ฉันจะบอกลุงถึงวิธีที่จะได้ทรัพย์สินและเกียรติยศให้เอาไหม ? “ ซะด์ได้ถามว่า “ เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?” มุคตาร์จึงบอกว่า “จับฮะซันแล้วส่งตัวไปให้มุอาวิยะฮ” แต่ซะด์ตอบว่า “ขออัลลอฮ I ทรงสาปแช่งเจ้าและทำให้เจ้าพินาศ จะให้ฉันทรยศหลานของท่านนบี กระนั้นหรือ”
อิบนุกะษีร ได้เขียนต่อไปว่า “ชาวอิรักได้เลือกหะซันด้วยความหวังว่าเขาจะเป็นศัตรูต่อพวกซีเรีย แต่พวกเขาก็ไม่สมหวังกับสิ่งที่คาดไว้ซึ่งพวกเขาเองเป็นผู้รับผิดชอบ พวกเขาเองหลีกเลี่ยงการต่อสู้และไม่เชื่อฟังผู้นำ ถ้าหากพวกเขาฉลาด พวกเขาก็น่าจะใช้ประโยชน์จากการที่อัลลอฮ I ทรงประทานความโปรดปรานให้แก่พวกเขาโดยการที่ให้พวกเขาได้ประกาศตนแสดงความจงรักภัคดีต่อลูกของนบี ซึ่งเป็นสาวผู้กล้าหาญและมีความรู้”
“เมื่อฮะซัน สั่งเกตเห็นว่ากองทัพของเขาแตกเป็นหลายฝ่ายและดื้อดึง เขาก็เกิดความท้อแท้และเศร้าใจ เขาได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งไปถึงมุอาวิยะฮ บิน อบีซุฟยาน ( ซึ่งในตอนนั้นได้ส่งกองทหารไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า มัสคันแล้ว ) ในจดหมายฉบับนั้น เขาได้ยื่นข้อเสนอสันติภาพโดยมีเงื่อนไขบางประการ กล่าวคือ เขาเสนอว่าจะยอมสละอำนาจให้แก่มุอาวิยะฮ ถ้า มุอาวิยะฮยอมรับเงื่อนไขเหล่านั้นซึ่งจะทำให้การนองเลือดในหมู่มุสลิมยุติลง เมื่อประชาชนรู้เรื่องจดหมายฉบับนี้พวกเขาก็ตกลงที่จะให้มุอาวิยะฮเป็นคอลีฟะฮ์ “
13. ชีวิตเบื้องต้นของท่านฮาซัน อุปนิสัยใจคอ และความประเสริฐ
ฮาซัน บิน อาลี บิน อบีฏอลิบ ลูกชายคนโตของท่านหญิงฟาฏิมะฮ ลูกสาวของท่าน นบี มีความละม้ายคล้ายคลึงกับปู่ของเขามาก ตามบันทึกที่น่าเชื่อถือได้ เขาเกิดในเดือนชะบาน ฮ.ศ.3 ตรงกับวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 625 ถึงแม้ว่าจะมีบันทึกอื่นๆอ้างว่าเขาเกิดหลังจากเดือนรอมฎอนหนึ่งหรือสองวัน
ท่านนบี มีความผูกพันกับเขามาก เมื่อเขายังเป็นทารก ท่านนบี เคยจูบแก้มและริมฝีปากของเขาและยังเคยเอาลิ้นของท่านดุนเข้าไปในปากของเขา บางครั้งท่านก็จะนำเอาฮะซันมาตั้งไว้บนตักหรือไม่ก็ให้เขานั่งบนหน้าอกหรือขี่หลังท่าน บางครั้งเมื่อท่านนบี ก้มลงกราบในขณะนมาซ ฮะซันจะปีนขึ้นไปบนหลังของท่านซึ่งทำให้ท่านต้องก้มกราบอยู่เป็นเวลานานและบ่อยครั้งที่ท่านนบี ได้นำฮะซันไปนั่งอยู่ข้างบนแท่งปาฐกถาธรรมในมัสยิด
ชุฮรีายงานจากอะนัสว่าฮะซัน บิน อาลี ดูเหมือนกับท่านนบี มาก ฮานีรายงานว่าอาลีได้บอกเขาว่า “ฮะซันมีความละม้ายคล้ายคลึงกับท่านตั่งแต่อกไปจนถึงศีรษะ ในขณะที่ฮุเซนดูเหมือนกับปู่ของเขาตั้งแต่อกไปจนถึงเท้า ”
ท่านอาลีเองก็รักฮะซันเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่ง ท่านอาลีต้องการที่จะได้ยิน ฮะซันกล่าว ปราศรัย แต่ฮะซันประหม่าที่จะพูดต่อหน้าเขา วันหนึ่ง เมื่อฮะซันยืนขึ้นเพื่อจะกล่าวคำปราศรัย อาลีแอบนั่งตรงที่ฮะซันไม่สามารถเห็นเขา เมื่อฮะซันกล่าววคำปราศรัยจบ อาลีก็กล่าวว่า “ เชื้อไม่ทิ้งแถว ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น”
ส่วนใหญ่แล้ว ฮะซันจะเป็นคนเก็บตัวเงียบและพูดน้อย แต่เมื่อเขาพูด คนอื่นจะต้องเงียบ เขาไม่ชอบที่จะไปงานเลี้ยง หลีกเลี่ยงการถกเถียงทุกอย่างและไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายกิจการของคนอื่น แต่จะช่วยคลี่คลายข้อขัดแย้งด้วยข้อโต้แย้งที่มีเหตุผลถ้าหากเรื่องนี้มาถึงเขา
ฮะซันเคยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีทั้งหมดในหนทางของอัลลอฮ I เขาประกอบพิธีหัจญ์ 25 ครั้งโดยเกินทางด้วยเท้าพร้อมกับต้อนฝูงแกะเพื่อเชือดพลีไปด้วย เมื่อใดก็ตามที่อับดุลลอฮ บิน อับบาสเห็นฮะซันหรือไม่ก็ฮุเซนขี่ม้า เขามักจะเข้าไปจับบังเหียนเพื่อเป็นเกียรติให้แก่เขา เมื่อผู้คนเห็นฮะซันหรือไม่ก็ฮุเซนเวียนรอบกะอบะฮ พวกเขาก็จะกรูกันมาล้อมรอบเขาเพื่อป้องกันมิให้เขาต้องถูกเบียดเสียด
ฮุซัยฟะฮรายงานว่าท่านนบีได้กล่าวว่า “ฮะซันและฮุเซนเป็นผู้นำของผู้ที่อยู่ในสวรรค์” นอกจากนั้นก็ยังมีอีกหลายคนรวมทั้งอะลี, ญาบิร,บุรอยดะฮ และอบูสะอีดก็ได้รายงานว่าท่านนบีได้พูดเช่นนี้
บุคอรีรายงานจากอบูบักรว่า “ฉันได้เห็นท่านนบีนั่งอยู่บนแท่นเทศนสโดยมีฮะซัน บิน อาลีอยู่ข้างๆ ท่านได้แสดงปาฐกถาธรรมแก่ผู้คนและหลังจากนั้นก็หันไปยังฮะซันพร้อมกับกล่าวว่า “ลูกชายของฉันคนนี้เป็นผู้นำ ฉันหวังว่าอัลลอฮ I จะทรงทำให้เขาสร้างสันติภาพขึ้นในหมู่มุสลิมสองฝ่าย” นอกจากนั้นก็ยังมีคนอื่นๆรายงานเช่นเดียวกันนี้
อิบนุอับบาสเล่าว่าครั้งหนึ่งท่านนบี กำลังแบกฮะซันไว้บนหลังของท่านขณะนั้นมีใครบางคนเห็นคนทั้งสองและได้กล่าว่า “หนูน้อย หนูมีพาหนะดีเสียนี่กระไร” ท่านนบี จึงได้ตอบว่า “คนขี่ก็ดีด้วย” ฮะซันและฮุเซนมีความเชี่ยวชาญในการขี่ม้าเป็นอย่างมาก
อบู นุอัยม์รายงานว่าอบูฮุรอยเราะฮได้บอกเขาว่า “เมื่อใดก็ตามที่ฉันเห็นฮะซัน ตาของฉันก็เอ่อไปด้วยน้ำตาเพราะฉันได้เห็นว่าครั้งหนึ่งเขาได้วิ่งมานั่งบนตักของท่านนบี ฮะซันได้ดึงเคราของท่านนบี และท่านได้พ่นน้ำลายใส่ในปากของฮะซันและกล่าวคำวิงวอนว่า “โอ้ อัลลอฮ I ฉันรักเขาขอพระองค์ได้ทรงถือเขาเป็นที่รักด้วยเถิด” ท่านนบี กล่าวเช่นนี้สามครั้ง
คำพูดล่วงหน้าเกี่ยวกับฮะซัน
คำพูดล่วงหน้าของท่านนบี เกี่ยวกับฮะซันที่ว่าเขาจะเป็นคนสร้างความสามัคคีขึ้นระหว่างมุสลิมสองฝ่าย นั้นมิใช่เป็นคำทำนายที่ต้องการจะให้ได้ยินและมุสลิมคนอื่นๆต้องยอมรับ สำหรับฮะซัน นั้นเป็นสัญญาณและแสงนำทางที่สร้างแบบแผนชีวิตและความประพฤติของเขาให้สอดคล้องกับสิ่งที่นบี ได้บอกกล่าวไว้ มันทำให้เขาต้องจดจำไว้ในหัวใจในการกำหนดท่าทีของเขา เขาถือว่ามันเป็นคำสั่งจากนบีของอัลลอฮI ปู่ของเขาซึ่งเขารักและภาคภูมิใจ แน่นอนเขาจะต้องสังเกตเห็นใบหน้าของท่านนบี และสายตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความพึงพอใจในขณะที่กล่าวถ้อยคำเช่นนั้น และเขาคงตัดสินใจแล้วที่จะทำตามความคาดหวังของท่านนบี คำพูดล่วงหน้าที่ท่านนบี กล่าวนั้น สอดคล้องกับนิสัยใจคอที่อ่อนโยนและสงบเยือกเย็นของฮะซัน
เขาเป็นลูกชายที่เป็นที่รักและเป็นที่ไว้วางใจของพ่อของเขา แต่เมื่ออุษมานถูกลอบสังหารเขาก็กล่าวกับอาลีว่า “ปล่อยคนเหล่านี้ไว้และไปที่ไหนก็ได้ที่พ่อต้องการจนกว่าพวกอาหรับจะสำ-นึกในความผิดของตน แล้วเวลานั้นพวกเขาจะหาท่านถึงแม้ว่าท่านจะซ่อนอยู่ในรูแย้ก็ตามแล้วพวกเขาจะให้สัตย์สาบานแสดงจงรักภักดีต่อท่านโดยที่ท่านไม่ต้องขอ” ในทำนองเดียวกัน เมื่อท่านอาลีตัดสินใจที่จะต่อสู้พวกซีเรียและเตรียมพร้อมที่จะนำทหารออกจากมะดีนะฮ ฮะซันก็ได้ร้องขอต่อเขาว่า “พ่อ เลิกเถอะเพราะมันจะทำให้มุสลิมต้องเสียเลือดเนื้อและสร้างความรู้สึกขัดแย้งขึ้นในหมู่มุสลิมอย่างไม่สิ้นสุด” ท่าทีประนีประนอมเช่นนี้ของฮะซันในเรื่องที่พ่อของเขาต้องเข้าไปเกี่ยงข้องโดยไม่ผิดนั้นชี้ให้เห็นถึงคำทำนายและคำวิงวอนของท่านนบี
อย่างไรก็ตาม ท่านอาลีก็ไม่ยอมรับคำแนะนำของฮะซันทั้งนี้เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้ประชาชนถูกปล่อยทิ้งไว้ในความไม่แน่นอน เขาถือว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องผนึกกำลังผู้คนไว้ภายใต้คอลีฟะฮ์คนเดียวซึ่งเขาถือว่าเป็นสิ่งถูกต้องและเพื่อขจัดสิ่งที่เขาถือว่าเป็นสิ่งผิด เขาถือว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของกุรอานที่ว่า “และทุกคนต่างมีทิศทางที่จะหันไปสู่”
การสิ้นชีวิตของฮะซัน
ฮะซันสิ้นชีวิตเพราะถูกวางยาพิษ อุมัยร์ บิน อิสฮากกล่าวว่า เขากับชาวกุเรชคนหนึ่งได้ไปหาฮะซันและฮะซันได้บอกเขาว่า “ฉันถูกวางยาพิษหลายครั้งและแต่ละครั้งก็หนักยิ่งกว่าเก่า” ดังนั้นเขาจึงได้รับความเจ็บปวดมากก่อนที่จะเสียชีวิต
ฮุเซนได้มาหาฮะซันและนั่งลงบนที่นอนใกล้ศีรษะของเขา เขาถามฮะซันว่า “พี่ใครวางยาพิษพี่?” ฮะซันถามว่า “เจ้าต้องการฆ่าเขาใช่ไหม?” เมื่อฮุเซนตอบยืนยัน ฮะซันได้กล่าวว่า “ถ้าหากเขาเป็นคนที่ฉันสงสัย ไม่มีอะไรมากไปกว่าอัลลอฮ I ในการแก้แค้นแต่ถ้าหากเขาไม่ผิด ฉันไม่ต้องการให้เจ้าฆ่าคนที่บริสุทธิ์”
พิธีฝังศพของฮะซันมีคนจำนวนมากมาร่วมจนสุสานอัลบะกีอไม่สามารถบรรจุคนทั้งหมาดได้ วากิดีรายงานจากเซาลาบ บิน มาลิก ว่า “ในตอนที่ฮะซันเสียชีวิตและถูกฝังที่อัลบะกีอนั้น ฉันได้อยู่ที่นั่นด้วย คนที่มาร่วมพิธีฝังศพนั้นแน่นขนัด จนถ้าหากเข็มสักเล่มหนึ่งจะตกมันจะตกบนหัวของใครบางมากว่าที่จะตกถึงพื้น” ในตอนที่เสียชีวิต ฮะซันมีอายุได้ 47 ปี เขาได้รับเลือกให้เป็นเคาะลีฟะฮในเดือนเราะบีอุลเอาวัล ฮ.ศ. 41/ค.ศ.661 เขาได้ทำสัญญาสันติภาพกับมุอาวิยะฮในเดือนเราะบีอุลเอาวัล ฮศ.41/กรกฏาคม ค.ศ.661 ซึ่งเป็นปีที่เรียกกันว่า “อามุล-ญัมอาฮ” เขาดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์เป็นเวลาหกเดือน การปกครองด้วยคอลีฟะฮ์ก็เป็นอันสิ้นสุดลงหลังจากที่ครบสามสิบปี
จุดยืนของฮะซัน
การที่ฮะซันตัดสินใจสร้างสันติภาพกับมุอาวิยะฮและยอมสละการเป็นคอลีฟะฮ์ให้แก่เขานั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องและตรงเวลาเช่นเดียวกับที่ฮุเซนทำกับยาซีด บิน มุอาวิยะฮหลังจากนั้น เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลผลิตของสภาพแวดล้อม เวลาและสถานที่ซึ่งทั้งหมดจะต้องมาพิจารณาในการตัดสินใจหรือนำวิธีการใดมาใช้ในแต่ละสถานการณ์อย่างถูกต้อง การใช้วิธีการเดียวกันกับทุกสถานการณ์ไม่อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องเหมาะสม ลักษณะและศีลธรรมของมุอาวิยะฮและยะซีดนั้นมีความแตกต่างกันมากโดยเฉพาะถ้าเราพิจารณาจากการที่มุอาวิยะฮมีโอกาสได้รับคำแนะนำจากท่านนบี และการรับใช้อิสลามของเขา
การสงครามกับมุอาวิยะฮต่อไปอาจจะหมายถึงความเป็นศัตรูและการหลั่งเลือดมุสลิมไม่มีวันสิ้นสุด สังคมมุสลิมในระหว่างสมัยของเขาซึ่งแตกแยกกันภายในและถูกข่มขู่จากภายนอกกำลังประสบภาวะวิกฤตสภาพการณ์เหล่านี้อาจทำให้คนบางกลุ่มก่อการจลาจลหรือใช้วิธีการทรยศหักหลัง ฮะซันรู้จักชาวอิรักดีกว่าใคร ชาวอิรักสนับสนุนพ่อของเขาแต่ด้วยความหุนหันพลันแล่นและขาดความอดทนจึงต้องต่อสู้กันหลายครั้งก่อนที่จะไปสู่สนามรบ ความไม่มีระเบียบวินัย ความใจร้อนและการทรยศหักหลังของคนเหล่านี้ได้ทำลายชัยชนะของพ่อของฮะซันมาหลายครั้งแล้วและทำให้เขาต้องเสียใจซึ่งสามารถจะเห็นได้จากคำปราศรัยและจดหมายที่อยู่ในหนังสือ นะฮญุล บะลาเฆาะฮ ฮะซันเองก็ได้เห็นเหตุการณ์อันเจ็บปวดเหล่านี้มาทั้งหมด
ฮุเซน บิน อาลี
ฮุเซน บิน อาลีเกิดเมื่อวันที่ 5 เดือนชะบาน ฮ.ศ.4/10 มกราคม ค.ศ.626 ท่านนบี ได้ใช้นิ้วของท่านเองจุ่มน้ำผึ้งเพื่อใส่ปากให้ฮุเซนเลียหลังจากนั้นก็ขอพรให้แก่เขาและตั้งชื่อนี้ได้ ดังที่ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าฮะซันมีความละม้ายคล้ายคลึงกับท่านนบี ในลักษณะทางใบหน้าในขณะที่ฮุเซนมีความละม้ายคล้ายคลึงกับปู่ของเขาในเรือนร่าง ฮุเซนมีอายุได้ประมาณหกขวบครึ่งเมื่อตอนที่ท่านนบี อำลาจากโลกนี้ไปในวันที่ 12 เดือนเราะบีอุลเอาวัล ฮ.ศ.11
อบูอัยยูบ อันซอรีเล่าว่า “วันหนึ่งฉันได้ไปหาท่านนบี ฮะซันและฮุเซนกำลังนั่งอยู่บนหน้าอกของท่านนบี ฉันได้กล่าวว่า “ท่านรซูลลุลลอฮ ท่านรักหลานทั้งสองเหลือเกินนะ” ท่านนบีได้ตอบว่า “ทำไมจะไม่รักละ” นี่คือดอกไม้ที่ฉันมีอยู่ในโลกนี้” ฮะริษได้รายงานว่าครั้งหนึ่งอาลีกล่าวว่าท่านนบี ได้กล่าวว่า “ฮะซันและฮุเซนเป็นผู้นำของคนหนุ่มสวนสวรรค์” ยะซีด บิน อบีซิยาดได้เล่าว่าครั้งหนึ่งท่านนบี ได้ยินฮุเซนร้องไห้ ท่านได้กล่าวกับแม่ของฮุเซนว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าฉันไม่สบายใจที่ได้ยินเขาร้องไห้ ?
ฮุเซนได้เข้าร่วมกองทัพที่ถูกส่งไปโจมตีกรุงคอนสแตนติโนเปิลใน ฮ.ศ.51/ค.ศ.671 ยะซีด บิน มุอาวิยะฮก็อยู่กับเขาด้วย ฮุเซนเป็นผู้ปฏิบัติศาสนาอย่างเคร่งครัดและเขาเคยเดินเท้าไปทำฮัจญ์ถึง 20 ครั้งด้วยกันนอกจากนั้นแล้วเขายังเป็นถ่อมตนอย่างมากอีกด้วย ครั้งหนึ่งขณะที่เขากำลังเดินทางอยู่บนหลังม้าเขาได้เห็นคนยากจนกลุ่มหนึ่งประมาณ 20 คนกำลังนั่งกินขนมปังอยู่บนพื้น เขาจึงให้สลามทักทายคนเหล่านั้น พวกเขาได้ตอบรับและเชิญเขากินอาหารร่วมกับเขา ฮุเซนจึงลงจากหลังม้าไปร่วมกินอาหารกับคนเหล่านั้นและอ่านอัลกุรอานตรงที่กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ I ไม่ทรงรักผู้โอหัง เมื่อทานอาหารกับคนเหล่านั้นเสร็จแล้ว ฮุเซนก็ได้บอกพวกเขาว่า “พี่น้องที่รักพวกท่านได้เชิญฉันและฉันก็รับคำเชิญ ตอนนี้มากินอาหารกับฉันบ้าง” หลังจากนั้น เขาก็ได้นำคนเหล่านั้นมายังบ้านของเขาและสั่งให้รุบาฮคนใช้ในบ้านของเขานำทุกสิ่งที่มีอยู่ในบ้านมาเลี้ยงคนเหล่านี้
อิบนุ ยุอัยนาเล่าว่าอับดุลลอฮ บิน อบี ยะซีดได้กล่าวแก่เขาว่า “ฉันเห็นฮุเซน บิน อาลีเมื่อผมและเคราของเขายังดำยกเว้นบางส่วนในด้านบนของเคราเท่านั้น” อุมัร บิน อะตาได้รายงานว่าเขาได้เห็นฮุเซนย้อมผมด้วยวัสมา (ยาย้อมผมชนิดหนึ่ง) ผมและเคราของเขาดูดำจัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น