เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
บล็อกนี้ เป็นบล็อกสำหรับทุกคนที่ต้องการรับรู้ถึงสังคมปัจจุบันว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางใดและสังเกตุพฤติกรรมของมุสลิมในสังคมว่ามีสภาพว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้เพื่อนอิสลามจะคอยเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เข้ามาเยื่ยมชม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คือ เป็นเพื่อนในอิิสลามของคุณตลอดไป และถ้าหากเห็นว่าบล็อกนี้มีประโยชน์ช่วยเม้นให้ด้วยนะ หรือ ถ้าหากจะต้องการเนื้อหาอะไรก็โพสได้นะครับ ยินดีเสมอครับ

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การเลือกฮะซันเป็น เคาะลีฟะห์




โดยอาจารย์ รอฟลี แวหะมะ อาจารย์ประจำคณะวิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี  เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์อิสลาม โดยเฉพาะ


12. การเลือกฮะซันเป็นคอลีฟะฮ์
จากการที่ท่านคอลีฟะฮ์อาลีไม่ยอมที่จะเสนอชื่อใครเป็นคอลีฟะฮ์ขึ้นมาสืบทอดต่อจากท่านและต้องการที่จะปฏิบัติตามท่านนบี  ในการปล่อยเรื่องนี้ให้อยู่กับประชาชน ดั้งนั้น คำตอบของท่านต่อประชาชนที่ขอให้ท่านเสนอชื่อผู้ที่จะขึ้นมาสืบอำนาจต่อจากท่านก็คือ  “ไม่  ฉันจากพวกท่านเช่นเดียวกับที่ท่านนบี  ได้จากพวกท่านไป  หากอัลลอฮ I ทรงประสงค์พระองค์ก็จะทรงให้พวกท่านเห็นพ้องต้องกันในการเลือกคนดีที่สุดที่เหมาะสมเช่นเดียวกับที่พวกท่านได้ตกลงเลือกคนดีที่สุดหลังจากท่านนบี   “แต่ผู้คนก็ให้สัตย์สาบานจงรักภัคดีต่อหะซันในวันที่ท่านอาลีได้รับบาดเจ็บสาหัส วันนั้นเป็นวันศุกร์ที่ 17 ของเดือนเราะมะดอน ฮ..40 / 24 มกราคม  .. 661
                อิบนุ กะษีร ได้รายงานเหตุการณ์ในรายละเอียดไว้ว่า หลังจากอาลีเสียชีวิต (และฮะซันได้รับเลือกให้เป็นคอลีฟะฮ์ กออิส บิน  ซะด์  บิน  อิบาด๊ะได้เริ่มกดดันฮะซันให้ทำสงครามกับพวกซีเรีย  ฮะซันไม่ยอม แต่ผู้คนก็ยังยืนยันในความต้องการของพวกตนและได้มาชุมนุม  กันรอบๆ ฮะซันเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน  ในที่สุด ฮะซันก็ได้สั่งให้ทหารทัพหน้าจำนวน  12,000  คนภายใต้การนำของกออิส  บินซะด์  มุ่งหน้าไปก่อน  ส่วนตัวฮะซันเองนำกองกำลังหลักไปเผชิญหน้ากับมุอาวิยะฮและกองทัพซีเรีย  เมื่อมาถึงเมืองมะดาอิน  เขาก็ตั้งค่ายพักและสั่งให้กองทัพหน้าค้างแรมอยู่ข้างหน้า
                “ ขณะที่ตั้งค่ายที่มะดาอิน  มีใครบางคนได้ส่งเสียงร้องออกมาว่ากออิสถูกฆ่า  จึงก่อให้เกิดความสับสนอลหม่านขึ้นในกองทัพและปล้นชิงซึ่งกันและกัน จนถึงขนาดที่ว่าคนพวกนี้ได้รื้อเต็นท์ที่พักของฮะซัน และพยายามฉกชิงพรมที่ฮะซันกำลังนั่งอยู่ ทำให้หลายคนได้รับบาดเจ็บ  ฮะซันเองก็ได้รับบาดเจ็บ  แต่โชคดีที่ไม่สาหัส  ฮะซันจึงลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังวังในมะดาอิน  มุคตาร์  บิน  อุบัยด๊ะฮ  ได้บอกซะด์  บิน  มัศอูดลุงของเขาซึ่งเป็นผู้ปกครองเมืองมะดาอิน ได้บอกลุงของเขาว่าฉันจะบอกลุงถึงวิธีที่จะได้ทรัพย์สินและเกียรติยศให้เอาไหม ? “ ซะด์ได้ถามว่า  “ เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?” มุคตาร์จึงบอกว่าจับฮะซันแล้วส่งตัวไปให้มุอาวิยะฮ”  แต่ซะด์ตอบว่า  “ขออัลลอฮ I ทรงสาปแช่งเจ้าและทำให้เจ้าพินาศ  จะให้ฉันทรยศหลานของท่านนบี กระนั้นหรือ
                อิบนุกะษีร ได้เขียนต่อไปว่า  “ชาวอิรักได้เลือกหะซันด้วยความหวังว่าเขาจะเป็นศัตรูต่อพวกซีเรีย  แต่พวกเขาก็ไม่สมหวังกับสิ่งที่คาดไว้ซึ่งพวกเขาเองเป็นผู้รับผิดชอบ  พวกเขาเองหลีกเลี่ยงการต่อสู้และไม่เชื่อฟังผู้นำ  ถ้าหากพวกเขาฉลาด พวกเขาก็น่าจะใช้ประโยชน์จากการที่อัลลอฮ I ทรงประทานความโปรดปรานให้แก่พวกเขาโดยการที่ให้พวกเขาได้ประกาศตนแสดงความจงรักภัคดีต่อลูกของนบี  ซึ่งเป็นสาวผู้กล้าหาญและมีความรู้
                “เมื่อฮะซัน สั่งเกตเห็นว่ากองทัพของเขาแตกเป็นหลายฝ่ายและดื้อดึง  เขาก็เกิดความท้อแท้และเศร้าใจ  เขาได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งไปถึงมุอาวิยะฮ  บิน  อบีซุฟยาน ( ซึ่งในตอนนั้นได้ส่งกองทหารไปยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกว่า มัสคันแล้วในจดหมายฉบับนั้น  เขาได้ยื่นข้อเสนอสันติภาพโดยมีเงื่อนไขบางประการ  กล่าวคือ  เขาเสนอว่าจะยอมสละอำนาจให้แก่มุอาวิยะฮ ถ้า     มุอาวิยะฮยอมรับเงื่อนไขเหล่านั้นซึ่งจะทำให้การนองเลือดในหมู่มุสลิมยุติลง เมื่อประชาชนรู้เรื่องจดหมายฉบับนี้พวกเขาก็ตกลงที่จะให้มุอาวิยะฮเป็นคอลีฟะฮ์

13. ชีวิตเบื้องต้นของท่านฮาซัน อุปนิสัยใจคอ และความประเสริฐ
                        ฮาซัน  บิน  อาลี บิน อบีฏอลิบ  ลูกชายคนโตของท่านหญิงฟาฏิมะฮ   ลูกสาวของท่าน นบี  มีความละม้ายคล้ายคลึงกับปู่ของเขามาก  ตามบันทึกที่น่าเชื่อถือได้  เขาเกิดในเดือนชะบาน ฮ..3  ตรงกับวันที่ 12 มกราคม ค.. 625  ถึงแม้ว่าจะมีบันทึกอื่นๆอ้างว่าเขาเกิดหลังจากเดือนรอมฎอนหนึ่งหรือสองวัน 
                         ท่านนบี  มีความผูกพันกับเขามาก เมื่อเขายังเป็นทารก  ท่านนบี  เคยจูบแก้มและริมฝีปากของเขาและยังเคยเอาลิ้นของท่านดุนเข้าไปในปากของเขา  บางครั้งท่านก็จะนำเอาฮะซันมาตั้งไว้บนตักหรือไม่ก็ให้เขานั่งบนหน้าอกหรือขี่หลังท่าน บางครั้งเมื่อท่านนบี  ก้มลงกราบในขณะนมาซ ฮะซันจะปีนขึ้นไปบนหลังของท่านซึ่งทำให้ท่านต้องก้มกราบอยู่เป็นเวลานานและบ่อยครั้งที่ท่านนบี  ได้นำฮะซันไปนั่งอยู่ข้างบนแท่งปาฐกถาธรรมในมัสยิด
                ชุฮรีายงานจากอะนัสว่าฮะซัน  บิน  อาลี  ดูเหมือนกับท่านนบี มาก  ฮานีรายงานว่าอาลีได้บอกเขาว่า  “ฮะซันมีความละม้ายคล้ายคลึงกับท่านตั่งแต่อกไปจนถึงศีรษะ    ในขณะที่ฮุเซนดูเหมือนกับปู่ของเขาตั้งแต่อกไปจนถึงเท้า
               ท่านอาลีเองก็รักฮะซันเป็นอย่างมาก  ครั้งหนึ่ง ท่านอาลีต้องการที่จะได้ยิน    ฮะซันกล่าว ปราศรัย  แต่ฮะซันประหม่าที่จะพูดต่อหน้าเขา   วันหนึ่ง เมื่อฮะซันยืนขึ้นเพื่อจะกล่าวคำปราศรัย  อาลีแอบนั่งตรงที่ฮะซันไม่สามารถเห็นเขา   เมื่อฮะซันกล่าววคำปราศรัยจบ   อาลีก็กล่าวว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว  ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
                ส่วนใหญ่แล้ว  ฮะซันจะเป็นคนเก็บตัวเงียบและพูดน้อย  แต่เมื่อเขาพูด  คนอื่นจะต้องเงียบ  เขาไม่ชอบที่จะไปงานเลี้ยง  หลีกเลี่ยงการถกเถียงทุกอย่างและไม่เคยเข้าไปก้าวก่ายกิจการของคนอื่น  แต่จะช่วยคลี่คลายข้อขัดแย้งด้วยข้อโต้แย้งที่มีเหตุผลถ้าหากเรื่องนี้มาถึงเขา
                ฮะซันเคยให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีทั้งหมดในหนทางของอัลลอฮ I เขาประกอบพิธีหัจญ์  25  ครั้งโดยเกินทางด้วยเท้าพร้อมกับต้อนฝูงแกะเพื่อเชือดพลีไปด้วย  เมื่อใดก็ตามที่อับดุลลอฮ บิน อับบาสเห็นฮะซันหรือไม่ก็ฮุเซนขี่ม้า  เขามักจะเข้าไปจับบังเหียนเพื่อเป็นเกียรติให้แก่เขา  เมื่อผู้คนเห็นฮะซันหรือไม่ก็ฮุเซนเวียนรอบกะอบะฮ  พวกเขาก็จะกรูกันมาล้อมรอบเขาเพื่อป้องกันมิให้เขาต้องถูกเบียดเสียด
                ฮุซัยฟะฮรายงานว่าท่านนบีได้กล่าวว่า  “ฮะซันและฮุเซนเป็นผู้นำของผู้ที่อยู่ในสวรรค์”  นอกจากนั้นก็ยังมีอีกหลายคนรวมทั้งอะลีญาบิร,บุรอยดะฮ  และอบูสะอีดก็ได้รายงานว่าท่านนบีได้พูดเช่นนี้
                บุคอรีรายงานจากอบูบักรว่า  “ฉันได้เห็นท่านนบีนั่งอยู่บนแท่นเทศนสโดยมีฮะซัน บิน    อาลีอยู่ข้างๆ ท่านได้แสดงปาฐกถาธรรมแก่ผู้คนและหลังจากนั้นก็หันไปยังฮะซันพร้อมกับกล่าวว่า  “ลูกชายของฉันคนนี้เป็นผู้นำ  ฉันหวังว่าอัลลอฮ I  จะทรงทำให้เขาสร้างสันติภาพขึ้นในหมู่มุสลิมสองฝ่าย”  นอกจากนั้นก็ยังมีคนอื่นๆรายงานเช่นเดียวกันนี้
                อิบนุอับบาสเล่าว่าครั้งหนึ่งท่านนบี  กำลังแบกฮะซันไว้บนหลังของท่านขณะนั้นมีใครบางคนเห็นคนทั้งสองและได้กล่าว่า  “หนูน้อย  หนูมีพาหนะดีเสียนี่กระไร”  ท่านนบี  จึงได้ตอบว่า  “คนขี่ก็ดีด้วย”  ฮะซันและฮุเซนมีความเชี่ยวชาญในการขี่ม้าเป็นอย่างมาก
                อบู  นุอัยม์รายงานว่าอบูฮุรอยเราะฮได้บอกเขาว่า  “เมื่อใดก็ตามที่ฉันเห็นฮะซัน  ตาของฉันก็เอ่อไปด้วยน้ำตาเพราะฉันได้เห็นว่าครั้งหนึ่งเขาได้วิ่งมานั่งบนตักของท่านนบี   ฮะซันได้ดึงเคราของท่านนบี  และท่านได้พ่นน้ำลายใส่ในปากของฮะซันและกล่าวคำวิงวอนว่า  “โอ้ อัลลอฮ I  ฉันรักเขาขอพระองค์ได้ทรงถือเขาเป็นที่รักด้วยเถิด”  ท่านนบี  กล่าวเช่นนี้สามครั้ง
คำพูดล่วงหน้าเกี่ยวกับฮะซัน
คำพูดล่วงหน้าของท่านนบี  เกี่ยวกับฮะซันที่ว่าเขาจะเป็นคนสร้างความสามัคคีขึ้นระหว่างมุสลิมสองฝ่าย    นั้นมิใช่เป็นคำทำนายที่ต้องการจะให้ได้ยินและมุสลิมคนอื่นๆต้องยอมรับ สำหรับฮะซัน นั้นเป็นสัญญาณและแสงนำทางที่สร้างแบบแผนชีวิตและความประพฤติของเขาให้สอดคล้องกับสิ่งที่นบี ได้บอกกล่าวไว้ มันทำให้เขาต้องจดจำไว้ในหัวใจในการกำหนดท่าทีของเขา เขาถือว่ามันเป็นคำสั่งจากนบีของอัลลอฮI   ปู่ของเขาซึ่งเขารักและภาคภูมิใจ แน่นอนเขาจะต้องสังเกตเห็นใบหน้าของท่านนบี  และสายตาที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความพึงพอใจในขณะที่กล่าวถ้อยคำเช่นนั้น  และเขาคงตัดสินใจแล้วที่จะทำตามความคาดหวังของท่านนบี  คำพูดล่วงหน้าที่ท่านนบี  กล่าวนั้น สอดคล้องกับนิสัยใจคอที่อ่อนโยนและสงบเยือกเย็นของฮะซัน 
เขาเป็นลูกชายที่เป็นที่รักและเป็นที่ไว้วางใจของพ่อของเขา  แต่เมื่ออุษมานถูกลอบสังหารเขาก็กล่าวกับอาลีว่า ปล่อยคนเหล่านี้ไว้และไปที่ไหนก็ได้ที่พ่อต้องการจนกว่าพวกอาหรับจะสำ-นึกในความผิดของตน  แล้วเวลานั้นพวกเขาจะหาท่านถึงแม้ว่าท่านจะซ่อนอยู่ในรูแย้ก็ตามแล้วพวกเขาจะให้สัตย์สาบานแสดงจงรักภักดีต่อท่านโดยที่ท่านไม่ต้องขอ”  ในทำนองเดียวกัน  เมื่อท่านอาลีตัดสินใจที่จะต่อสู้พวกซีเรียและเตรียมพร้อมที่จะนำทหารออกจากมะดีนะฮ  ฮะซันก็ได้ร้องขอต่อเขาว่า  “พ่อ เลิกเถอะเพราะมันจะทำให้มุสลิมต้องเสียเลือดเนื้อและสร้างความรู้สึกขัดแย้งขึ้นในหมู่มุสลิมอย่างไม่สิ้นสุด”  ท่าทีประนีประนอมเช่นนี้ของฮะซันในเรื่องที่พ่อของเขาต้องเข้าไปเกี่ยงข้องโดยไม่ผิดนั้นชี้ให้เห็นถึงคำทำนายและคำวิงวอนของท่านนบี  
                อย่างไรก็ตาม  ท่านอาลีก็ไม่ยอมรับคำแนะนำของฮะซันทั้งนี้เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้ประชาชนถูกปล่อยทิ้งไว้ในความไม่แน่นอน  เขาถือว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องผนึกกำลังผู้คนไว้ภายใต้คอลีฟะฮ์คนเดียวซึ่งเขาถือว่าเป็นสิ่งถูกต้องและเพื่อขจัดสิ่งที่เขาถือว่าเป็นสิ่งผิด  เขาถือว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของกุรอานที่ว่า  “และทุกคนต่างมีทิศทางที่จะหันไปสู่

 

การสิ้นชีวิตของฮะซัน

                ฮะซันสิ้นชีวิตเพราะถูกวางยาพิษ  อุมัยร์  บิน  อิสฮากกล่าวว่า เขากับชาวกุเรชคนหนึ่งได้ไปหาฮะซันและฮะซันได้บอกเขาว่า  “ฉันถูกวางยาพิษหลายครั้งและแต่ละครั้งก็หนักยิ่งกว่าเก่าดังนั้นเขาจึงได้รับความเจ็บปวดมากก่อนที่จะเสียชีวิต
                ฮุเซนได้มาหาฮะซันและนั่งลงบนที่นอนใกล้ศีรษะของเขา  เขาถามฮะซันว่า  “พี่ใครวางยาพิษพี่?”  ฮะซันถามว่าเจ้าต้องการฆ่าเขาใช่ไหม?” เมื่อฮุเซนตอบยืนยัน  ฮะซันได้กล่าวว่า  “ถ้าหากเขาเป็นคนที่ฉันสงสัย  ไม่มีอะไรมากไปกว่าอัลลอฮ I ในการแก้แค้นแต่ถ้าหากเขาไม่ผิด  ฉันไม่ต้องการให้เจ้าฆ่าคนที่บริสุทธิ์
                พิธีฝังศพของฮะซันมีคนจำนวนมากมาร่วมจนสุสานอัลบะกีอไม่สามารถบรรจุคนทั้งหมาดได้  วากิดีรายงานจากเซาลาบ  บิน  มาลิก  ว่า  “ในตอนที่ฮะซันเสียชีวิตและถูกฝังที่อัลบะกีอนั้น  ฉันได้อยู่ที่นั่นด้วย  คนที่มาร่วมพิธีฝังศพนั้นแน่นขนัด จนถ้าหากเข็มสักเล่มหนึ่งจะตกมันจะตกบนหัวของใครบางมากว่าที่จะตกถึงพื้นในตอนที่เสียชีวิต  ฮะซันมีอายุได้ 47 ปี   เขาได้รับเลือกให้เป็นเคาะลีฟะฮในเดือนเราะบีอุลเอาวัล  .. 41/..661  เขาได้ทำสัญญาสันติภาพกับมุอาวิยะฮในเดือนเราะบีอุลเอาวัล  ฮศ.41/กรกฏาคม  ..661  ซึ่งเป็นปีที่เรียกกันว่า  “อามุล-ญัมอาฮ”  เขาดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์เป็นเวลาหกเดือน  การปกครองด้วยคอลีฟะฮ์ก็เป็นอันสิ้นสุดลงหลังจากที่ครบสามสิบปี
               

จุดยืนของฮะซัน

                การที่ฮะซันตัดสินใจสร้างสันติภาพกับมุอาวิยะฮและยอมสละการเป็นคอลีฟะฮ์ให้แก่เขานั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องและตรงเวลาเช่นเดียวกับที่ฮุเซนทำกับยาซีด  บิน  มุอาวิยะฮหลังจากนั้น  เหตุการณ์ต่างๆ  ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลผลิตของสภาพแวดล้อม  เวลาและสถานที่ซึ่งทั้งหมดจะต้องมาพิจารณาในการตัดสินใจหรือนำวิธีการใดมาใช้ในแต่ละสถานการณ์อย่างถูกต้อง  การใช้วิธีการเดียวกันกับทุกสถานการณ์ไม่อาจถือได้ว่าเป็นเรื่องเหมาะสม  ลักษณะและศีลธรรมของมุอาวิยะฮและยะซีดนั้นมีความแตกต่างกันมากโดยเฉพาะถ้าเราพิจารณาจากการที่มุอาวิยะฮมีโอกาสได้รับคำแนะนำจากท่านนบี  และการรับใช้อิสลามของเขา
                การสงครามกับมุอาวิยะฮต่อไปอาจจะหมายถึงความเป็นศัตรูและการหลั่งเลือดมุสลิมไม่มีวันสิ้นสุด  สังคมมุสลิมในระหว่างสมัยของเขาซึ่งแตกแยกกันภายในและถูกข่มขู่จากภายนอกกำลังประสบภาวะวิกฤตสภาพการณ์เหล่านี้อาจทำให้คนบางกลุ่มก่อการจลาจลหรือใช้วิธีการทรยศหักหลัง  ฮะซันรู้จักชาวอิรักดีกว่าใคร  ชาวอิรักสนับสนุนพ่อของเขาแต่ด้วยความหุนหันพลันแล่นและขาดความอดทนจึงต้องต่อสู้กันหลายครั้งก่อนที่จะไปสู่สนามรบ  ความไม่มีระเบียบวินัย  ความใจร้อนและการทรยศหักหลังของคนเหล่านี้ได้ทำลายชัยชนะของพ่อของฮะซันมาหลายครั้งแล้วและทำให้เขาต้องเสียใจซึ่งสามารถจะเห็นได้จากคำปราศรัยและจดหมายที่อยู่ในหนังสือ นะฮญุล  บะลาเฆาะฮ  ฮะซันเองก็ได้เห็นเหตุการณ์อันเจ็บปวดเหล่านี้มาทั้งหมด

ฮุเซน บิน อาลี

                ฮุเซน  บิน  อาลีเกิดเมื่อวันที่ 5 เดือนชะบาน  ..4/10  มกราคม ค..626  ท่านนบี  ได้ใช้นิ้วของท่านเองจุ่มน้ำผึ้งเพื่อใส่ปากให้ฮุเซนเลียหลังจากนั้นก็ขอพรให้แก่เขาและตั้งชื่อนี้ได้  ดังที่ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าฮะซันมีความละม้ายคล้ายคลึงกับท่านนบี  ในลักษณะทางใบหน้าในขณะที่ฮุเซนมีความละม้ายคล้ายคลึงกับปู่ของเขาในเรือนร่าง  ฮุเซนมีอายุได้ประมาณหกขวบครึ่งเมื่อตอนที่ท่านนบี  อำลาจากโลกนี้ไปในวันที่  12  เดือนเราะบีอุลเอาวัล  ..11
                อบูอัยยูบ  อันซอรีเล่าว่า  “วันหนึ่งฉันได้ไปหาท่านนบี  ฮะซันและฮุเซนกำลังนั่งอยู่บนหน้าอกของท่านนบี   ฉันได้กล่าวว่า  “ท่านรซูลลุลลอฮ  ท่านรักหลานทั้งสองเหลือเกินนะ”  ท่านนบีได้ตอบว่า  “ทำไมจะไม่รักละนี่คือดอกไม้ที่ฉันมีอยู่ในโลกนี้ฮะริษได้รายงานว่าครั้งหนึ่งอาลีกล่าวว่าท่านนบี ได้กล่าวว่าฮะซันและฮุเซนเป็นผู้นำของคนหนุ่มสวนสวรรค์”  ยะซีด บิน อบีซิยาดได้เล่าว่าครั้งหนึ่งท่านนบี ได้ยินฮุเซนร้องไห้  ท่านได้กล่าวกับแม่ของฮุเซนว่า  “เจ้าไม่รู้หรือว่าฉันไม่สบายใจที่ได้ยินเขาร้องไห้ ?
                ฮุเซนได้เข้าร่วมกองทัพที่ถูกส่งไปโจมตีกรุงคอนสแตนติโนเปิลใน ฮ..51/..671  ยะซีด  บิน  มุอาวิยะฮก็อยู่กับเขาด้วย  ฮุเซนเป็นผู้ปฏิบัติศาสนาอย่างเคร่งครัดและเขาเคยเดินเท้าไปทำฮัจญ์ถึง  20  ครั้งด้วยกันนอกจากนั้นแล้วเขายังเป็นถ่อมตนอย่างมากอีกด้วย  ครั้งหนึ่งขณะที่เขากำลังเดินทางอยู่บนหลังม้าเขาได้เห็นคนยากจนกลุ่มหนึ่งประมาณ 20 คนกำลังนั่งกินขนมปังอยู่บนพื้น  เขาจึงให้สลามทักทายคนเหล่านั้น พวกเขาได้ตอบรับและเชิญเขากินอาหารร่วมกับเขา  ฮุเซนจึงลงจากหลังม้าไปร่วมกินอาหารกับคนเหล่านั้นและอ่านอัลกุรอานตรงที่กล่าวว่า  แท้จริงอัลลอฮ I ไม่ทรงรักผู้โอหัง  เมื่อทานอาหารกับคนเหล่านั้นเสร็จแล้ว  ฮุเซนก็ได้บอกพวกเขาว่าพี่น้องที่รักพวกท่านได้เชิญฉันและฉันก็รับคำเชิญ  ตอนนี้มากินอาหารกับฉันบ้าง”  หลังจากนั้น  เขาก็ได้นำคนเหล่านั้นมายังบ้านของเขาและสั่งให้รุบาฮคนใช้ในบ้านของเขานำทุกสิ่งที่มีอยู่ในบ้านมาเลี้ยงคนเหล่านี้
                อิบนุ  ยุอัยนาเล่าว่าอับดุลลอฮ  บิน  อบี  ยะซีดได้กล่าวแก่เขาว่าฉันเห็นฮุเซน  บิน  อาลีเมื่อผมและเคราของเขายังดำยกเว้นบางส่วนในด้านบนของเคราเท่านั้น”  อุมัร  บิน  อะตาได้รายงานว่าเขาได้เห็นฮุเซนย้อมผมด้วยวัสมา  (ยาย้อมผมชนิดหนึ่ง) ผมและเคราของเขาดูดำจัด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น