เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
บล็อกนี้ เป็นบล็อกสำหรับทุกคนที่ต้องการรับรู้ถึงสังคมปัจจุบันว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางใดและสังเกตุพฤติกรรมของมุสลิมในสังคมว่ามีสภาพว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้เพื่อนอิสลามจะคอยเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เข้ามาเยื่ยมชม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คือ เป็นเพื่อนในอิิสลามของคุณตลอดไป และถ้าหากเห็นว่าบล็อกนี้มีประโยชน์ช่วยเม้นให้ด้วยนะ หรือ ถ้าหากจะต้องการเนื้อหาอะไรก็โพสได้นะครับ ยินดีเสมอครับ

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การสิ้นสุดระบบคอลีฟะฮ์ผู้ทรงคุณธรรม




โดยอาจารย์ รอฟลี แวหะมะ อาจารย์ประจำคณะวิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี  เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์อิสลาม โดยเฉพาะ


14. การสิ้นสุดระบบคอลีฟะฮ์ผู้ทรงคุณธรรม

 การสละตำแหน่งของฮะซัน

นับจากวันแรกที่ท่านอาลีก้าวขึ้นมารับตำแหน่ง     ท่านอาลีก็ต้องเผชิญกับการท้าท้ายอำนาจทางการเมืองของตนแล้วเพราะมุอาวิยะฮถือว่าตัวเองเป็นทายาททางการเมืองที่ถูกต้องของคอลีฟะฮ์อุษมานเหมือนกันและยังปรารถนาที่จะแก้แค้นให้แก่คอลีฟะฮ์ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย    เมื่อเวลาผ่านไป   มุอาวิยะฮก็มีฐานนะมั่งคงเข้มแข็งขึ้นสามารถช่วงชิงดินแดนส่วนใหญ่มาได้จาก      ท่านอาลี  ในตอนที่ท่านอาลีจบชีวิตลงนั้นมุอาวิยะฮเป็นผู้ครอบครองดินแดนส่วนใหญ่ของโลกมุสลิมเอาไว้และเตรียมตัวที่จะสถาปนาตัวเองเป็นคอลีฟะฮ์ฮย่างเป็นทางการด้วยและเวลานั้นอิรักและอิหร่านเป็นเพียงเมือง หนึ่งซึ่งภักดี ต่อท่านอาลีเพียงที่ริมฝีปากเท่านั้น

หลังจากที่ท่านอาลีสิ้นชีวิตลงไปแล้วฮะซันลูกชายคนโตของท่านอาลีก็ก้าวขึ้นมาสืบตำแหน่งต่อ   กองทหารของมุอาวิยะฮจึงยาตราไปยังอิรักและสามารถเอาชนะคนของฮะซันได้โดยง่าย  ฮะซันเป็นคนที่รักสันติและรู้ว่าคนอิรักนั้นเชื่อไม่ได้  ฮะซันเรียนรู้บทเรียนนี้มาตั้งแต่สมัยพ่อของตนแล้ว  และก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรดีขึ้น   ดังนั้นฮะซันจึงตัดสินใจทำสัญญาสันติภาพกับมุอาวิยะฮ

                เมื่อได้ที่มุอาวิยะฮก็ขี่แพะไล่ด้วยการใช้กำลังที่มากกว่าและสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยบีบฮะซัน  แต่มุอาวิยะฮก็คิดว่ามันไม่เป็นการฉลาดนักถ้าจะบีบฮะซันหนักจนเกินไปมุอาวิยะฮจึงส่งสาสน์ไปยังฮะซันว่า
                “โดยความเคร่งครัดและศีลธรรมอันสูงส่ง  ท่านมีสิทธิในตำแหน่งคอลีฟะฮ์อย่างไม่มีปัญหา  ถ้าหากข้าพเจ้าเพียงแต่สามารถเชื่อได้ว่าท่านจะบริหารบ้านเมืองไปได้อย่างสงบ  และสามารถป้องกันประชาชนให้พ้นจากภยันตรายต่างๆได้  ข้าพเจ้าก็จะเป็นคนแรกที่ให้สัตยาสาบานสวามิภักดิ์ต่อท่าน  แต่สถานการณ์ปัจจุบันต้องการให้ท่านสละตำแห่นงคอลีฟะฮ์  ดังนั้นข้าพเจ้าจะให้ท่านในสิ่งที่ ท่านเรียกร้องเป็นการตอบแทน
                สาสน์ดังกล่าวมีกระดาษเปล่าประทับตราของมุอาวิยะฮแนบมาด้วย  ฮะซันถูกขอร้องให้เขียนอะไรก็ได้ในสิ่งที่ต้องการฮะซันพอใจกับสาสน์ดังกล่าว  ท่านจึงได้สละบังลังก์  เปิดทางให้มุอาวิยะฮโดยเรียกร้องเงินทดแทนให้แก่ตนเองและวงศาคณาญาติจำนวนหนึ่ง  นอกจากนั้นแล้วก็ขอให้มุอาวิยะฮนิรโทษกรรมคนอิรักด้วยซึ่งมุอาวิยะฮก็ทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าวโดยทันที่   
          ท่านนบี ได้กล่าวว่าการปกครองโดยคอลีฟะฮ์ จะมีระยะเวลาประมาณสามสิบปี หลังจากนั้นฮะซันได้ยอมสละอำนาจให้มุอาวิยะฮในเดือนเราะบีอุลเอาวัล  ..41 /  กรกฎาคม  .. 661  ซึ่งเป็นตอนปลายปีที่สามสิบหลังจากการสิ้นชีวิตของท่านนบี  มุอาวิยะฮได้ขอให้ฮะซันบอกประชาชนหลังจากการสละอำนาจ  ฮะซันได้กล่าวว่า
  “พวกท่านทั้งหลายในตอนแรก  อัลลอฮ  I ได้ส่งประทานทางนำแก่พวกท่านผ่านบรรพบุรุษของเราและทรงช่วยพวกท่านจากการหลั่งเลือดจากลูกหลานของคนเหล่านั้น   อัลลอฮ I ได้ทรงกำหนดระยะเวลาสำหรับมันแล้วโลกนี้ไม่มีอะไรนอกจากการขึ้นๆลงๆ ของโชคชะตาขึ้นสำหรับคนหนึ่งและลงสำหรับอีกคนหนึ่ง  จงจำไว้ว่าอัลลอฮ I ได้ทรงบอกนบีของพระองค์ให้บอกพวกท่านว่า  “ฉันไม่รู้ว่ามันอาจจะเป็นการทดสอบสำหรับพวกท่านและเป็นการสนุกสนามชั่วฤดูหนึ่ง”         

  (อัลกุรอาน  21: 111)
               
คำพูดสั้นๆแต่มีความหมายนี้มุอาวิยะฮถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถขจัดออกไปจากจิตใจเขามาเป็นเวลานานแล้ว                                            
ครั้งหนึ่ง มีชายคนหนึ่งชื่อ  อบูอามิร  ได้กล่าวกับฮะซันว่า “สันติจงมีแด่ท่าน  คนที่ทำให้มุสลิมขายหน้า” ไม่ยอมเป็นศัตรูกับพวกซีเรีย  ฮะซันได้ตอบว่า “ไม่เลย  อบูอามิร  ฉันไม่ได้ทำให้มุสลิมอับอายขายหน้า ฉันเพียงแต่ไม่ชอบที่จะมีการหลั่งเลือดเพื่อเห็นแก่การปกครองของฉัน
หลังจากที่สละอำนาจแล้วฮะซันก็ใช้ชีวิตอยู่กับฮุเซนน้องชายของเขาและสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวที่นครมะดีนะฮ  เมื่อใดก็ตามที่เขาผ่านบริเวณที่อยู่อาศัยของคนที่เป็นพวกเขาและสนับสนุนเขา  คนเหล่านั้นจะกล่าวถ้อยคำถากถางเขาที่สละอำนาจให้แก่มุอาวิยะฮ  แต่เนื่องจากเป็นคนที่ไว้เกียรติของตัวเองและใจกว้าง  เขาจึงไม่เคยตอบกลับและไม่เคยเสียใจในสิ่งที่เขาได้ทำไป  แต่เขาจะรู้สึกพอใจในการตัดสินใจของเขามากกว่าถึงแม้จะมีคนในตระกูลของเขาบางคนไม่พอใจก็ตาม  ความจริงแล้ววิธีการของฮะซันเป็นสิ่งที่เหมาะสมและยังคงเป็นตัวอย่างสำหรับคนที่อาจจะต้องตกอยู่ในที่นั่งเช่นเดียวกับเขา เขาสมควรที่จะได้รับคำยกย่องสำหรับการป้องกันการนองเลือดของมุสลิมดังที่ท่านนบี  ได้กล่าวล่วงหน้าไว้
                บ่อยครั้งที่คนที่เคยสนับสนุนเขาเคยตะโกนเรียกเขาโดยกล่าวว่า  “ความขายหน้าของบรรดาผู้ศรัทธา”  ฮะซันมักจะตอบคนเหล่านั้นว่า  “ขายหน้าก็ดีกว่าไฟนรก
                อะบูดาวูด  ติยาลซีเล่าจากซุฮัยร  บิน  นุฟัยร์  อัลฮัฎรอมีผู้ได้ยินพ่อของเขาเล่าว่า  “ฉันได้กล่าวกับฮะซัน  บิน  อาลีว่าคนคิดว่าท่านยังต้องการเป็นคอลีฟะฮ์ ”  เขาตอบว่า  “ฉันเป็นผู้นำชาวอาหรับ  พวกเขาน่าจะสร้างสันติภาพหรือทำสงครามกับคนที่ฉันสร้างสันติภาพหรือสงครามด้วยแต่ฉันได้สละอำนาจเหล่านั้นแล้วเพื่อความโปรดปรานของอัลลอฮ I จะให้ฉันจุดไฟเผาเพื่อนบ้านของฮิญาซอีกกระนั้นหรือ”  ในอีกครั้งหนึ่งเขาได้กล่าวว่า  “ฉันกลัวว่าคนเจ็ดหรือแปดหมื่นคนหรือในราวนั้นอาจจะถูกนำมาอยู่ต่อหน้าฉันในวันตัดสินในสภาพที่มีเลือดไหลโชกและพวกเขาอาจจะร้องทุกข์ต่ออัลลอฮI เกี่ยวกับฉัน
ความจริงแล้ววิธีการของฮะซันเป็นสิ่งที่เหมาะสมและยังคงเป็นตัวอย่างสำหรับคนที่อาจจะต้องตกอยู่ในที่นั่งเช่นเดียวกับเขา                 
                ท่านฮะซันได้รับเลือกให้เป็นเคาะลีฟะฮแทนท่านอาลีพ่อของเขา ใน ฮ..41/..661   เขาได้ทำสัญญาสันติภาพกับมุอาวิยะฮในเดือน  เราะบีอุลเ อาวัล  ..41/ กรกฎาคม  ..661  ซึ่งเป็นปีที่เรียกว่า  “อามุล-ญัมอาฮฺ”  เขาดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์เป็นเวลา  6  เดือน  การปกครองด้วยคอลีฟะฮ์ก็เป็นอันสิ้นสุดลงหลังจากที่ครบสามสิบปี          


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น