โดยอาจารย์ รอฟลี แวมะ อาจารย์ประจำคณะวิทยาลัยอิสลามศึกษา ชำนาญการด้านประวัติศาสตร์อิสลาม โดยเฉพาะ
เหตุการณ์ใน Oman
ในแคว้น Oman เป็นที่อยู่ของเผ่า Al-Azd ซึ่งมี Jaifar B. Al-Julanda และ Abbad B. Al-Julanda เป็นหัวหน้าเผ่า ทั้งสองเข้ารับอิสลามด้วยความพยายามของ Amr B. Al-As ซึ่งเป็นสาวกของท่านนบีที่ถูกส่งมาทำหน้าที่สอนและเผยแผ่ศาสนาในแถบนั้น เมื่อท่านนบีเสียชีวิต เกิดความวุ่นวายและมีกลุ่มมุรตัดเกิดขึ้นใน Oman แกนนำของกลุ่มนี้คือ Laqit B. Malik Al-Azdi หรือรู้จักในนาม Zu’t-Taj ซึ่งตั้งมั่นอยู่ที่เมือง Daba (ศูนย์กลางการค้าในแค้วน Oman)
Amr B. Al-As ประเมินเหตุการณ์ใน Oman แล้วไม่ค่อยปลอดภัย ท่านจึงหนีกลับมายังมะดีนะฮฺ ส่วน Jaifar และ Abbad ไม่สามารถต่อต้านกระแสกลุ่มมุรตัดได้จึงหนีเอาตัวรอดและหลบซ่อนตามชายหาดและภูเขา ทั้งสองได้ส่งหนังสือขอให้ท่าน Abu Bakr ส่งกองทัพมาช่วยเหลือ Abu Bakr ตัดสินใจส่งกองทัพหนึ่งนำโดย Huzaifah B. Mihsan ปรากฏว่า Huzaifah ไม่สามารถเอาชนะกลุ่ม Laqit ได้ Abu Bakr จึงส่งกองทัพหนุนอีกกองหนึ่งโดยมี Arfajah B. Harthamah[1] เป็นแม่ทัพ และสั่งให้ Ikrimah B. Abi Jahal นำทัพไปช่วยด้วย และยังมีคนในเผ่า Najiyah นำโดย Al-Khirrit B. Rasyid เผ่า Abdu’l-Qais นำโดย Saihan B. Suhan มาช่วยเสริมกองทัพ Huzaifah และในที่สุดกองทัพอิสลามเข้าจู่โจมและยึดเมือง Daba กลับคืนได้ Laqit และพรรคพวกมากกว่าหมื่นคนถูกฆ่าตายในสนามรบ ที่เหลือก็ยอมจำนน กองทัพอิสลามได้ทรัพย์สินมากในสงครามครั้งนี้ ทรัพย์สินเหล่านั้น หนึ่งในห้าส่วนส่งไปยังกองคลัง (Baitu’l-Mal) ที่มะดีนะฮฺ ที่เหลือแจกจ่ายแก่พลทหารอย่างยุติธรรม ในแคว้น Oman ก็กลับสู่ภาวะสันติภายใต้ร่มเงาของอิสลามอีกครั้งหนึ่ง
เหตุการณ์ใน Mahrah (Maharah?)
Mahrah ตั้งอยู่ระหว่างแคว้น Oman และ Hadramaut ซึ่งเป็นเขตหนึ่งที่เกิดความวุ่นวายหลังจากการเสียชีวิตของท่านนบี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Jairut และ Najd ใน Jairut นั้นนำโดย Syakhrit จากเผ่า Syakhrat ส่วนใน Najd นั้นมีแกนนำชื่อว่า Al-Musabbah จากเผ่า Muharib
เมื่อกองทัพอิสลามที่นำโดย Arfajah, Ikrimah และ Huzaifah เสร็จสิ้นภาระกิจในการปราบกลุ่มมุรตัดใน Oman แล้ว ได้รับคำสั่งจาก Abu Bakr ให้เคลื่อนทัพมายัง Mahrah เพื่อปราบกลุ่ม มุรตัดที่นั่น ในเรื่องใครเป็นแม่ทัพนำทัพมายัง Mahrah นั้น นักประวัติศาสตร์มีทัศนะที่แตกต่างกัน 2 ทัศนะ ดังนี้
1. สายรายงานจาก Saif B. Umar ว่า Ikrimah B. Abi Jahal เป็นแม่ทัพ
2. น่าจะเป็น Arfajah B. Harthamah เพราะเขาคือผู้อยู่ในแผนการณ์แรกของ Abu Bakr ที่ส่งมายัง Mahrah
เมื่อกองทัพอิสลามมาถึงที่ Jairut ก็ส่งทูตเข้าไปเจรจาเพื่อชักชวนให้ยอมจำนนและกลับตัวเป็นมุสลิมใหม่เหมือนที่เคยทำกับกลุ่มกบฎอื่นๆ ปรากฏว่ากลุ่มมุรตัดใน Jairut ตอบรับคำชักชวนนั้น พร้อมกับเตาบะฮฺกลับตัวเป็นมุสลิมใหม่ การนองเลือดและสงครามจึงไม่เกิดขึ้นใน Jairut
หลังจากนั้น กองทัพอิสลามเดินทัพมายัง Najd เผชิญหน้ากับกลุ่มมุรตัดที่ปฏิเสธที่จะกลับตัวเป็นมุสลิมใหม่ กองทัพอิสลามสามารถปราบกลุ่มดังกล่าวได้อย่างราบคาบ และได้รับทรัพย์สินสงครามเป็นจำนวนมาก สภาพการณ์ใน Mahrah ก็กลับสู่ภาวะปกติอีกครั้งหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น