เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
บล็อกนี้ เป็นบล็อกสำหรับทุกคนที่ต้องการรับรู้ถึงสังคมปัจจุบันว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางใดและสังเกตุพฤติกรรมของมุสลิมในสังคมว่ามีสภาพว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้เพื่อนอิสลามจะคอยเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เข้ามาเยื่ยมชม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คือ เป็นเพื่อนในอิิสลามของคุณตลอดไป และถ้าหากเห็นว่าบล็อกนี้มีประโยชน์ช่วยเม้นให้ด้วยนะ หรือ ถ้าหากจะต้องการเนื้อหาอะไรก็โพสได้นะครับ ยินดีเสมอครับ

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คอลีฟะฮ อุษมาน บิน อัฟฟาน ตอนที่ 2




โดยอาจารย์ รอฟลี แวหะมะ อาจารย์ประจำคณะวิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี  เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์อิสลาม โดยเฉพาะ


ลักษณะของท่านคอลีฟะฮ์อุษมาน

                   เราขอสรุปบทอันน่าเศร้าที่เป็นความหายนะสำหรับมุสิลมด้วยคำพูดของมะฮฺมูด อัลอักกอดที่พูดถึงลักษณะของอุสมานและความขันติที่เขาเผชิญกับการทดสอบว่า
                   ในการเปรียบกับบรรดา ผู้มาตำหนิและต่อต้านเขานั้น ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่มีความศรัทธาและเชื่อมั่นโดยไม่สั่นคลอนเขาเป็นหนึ่งในบรรดาไม่กี่คนที่เปลี่ยนแปลงตนเองโดยสิ้นเชิงภายใต้อิสลามตั้งแต่อดีต แห่งความโง่เขลาซึ่งเราเห็นว่าเป็นเรื่องหน้าอัศจรรย์ที่จะเชื่อว่าเขาได้รับคุณธรรมและความศรัทธาในพระเจ้าอันสูงส่ง                                                   ความศรัทธาที่เข้มแข็งและความบากบั่นอดทนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการคิดใคร่ครวญ และการละเว้นจากการทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อคนหนึ่งคนใดในขณะที่ชีวิตของตนเองหรือชีวิตของคนอื่นตกอยู่ในอันตราย     เมื่อท่านคอลีฟะฮ์อุษมานรู้ว่าเขาไม่สามารถที่จะหลีกหนีบรรดาผู้คิดจะสังหารเขาได้ เขาก็ได้ให้ทุกคนที่อยู่ในบ้านของเขาออกไปจากที่นั่นเพราะเกรงว่าพวกเขาจะได้รับอันตรายเมื่อถูกขอ ให้สละตำแหน่งคอลีฟะฮ์  เขาก็ปฏิเสธการที่เขาไม่ยอมเชื่อฟังตามความต้องการของคนเหล่านั้น มิ ใช่เพราะเขามีสิ่งมีค่าอะไรที่เขาไม่ต้องการที่จะละทิ้งมัน ชีวิตเขาเป็นสิ่งเดียวที่มีค่าที่เขามีอยู่และมัน ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว  นักประวัติศาสตร์ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าทรัพย์สินที่เขาอยู่ในวันที่เขาลาจากโลกนี้ไปนั้นมีจำนวนน้อยกว่าเมื่อเขาขึ้นมาเป็นคอลีฟะฮ์ เขาปฏิเสธที่จะสละตำแหน่งคอลีฟะฮ์ทั้งนี้เนื่องจากเขารู้ว่ามันจะเป็นการเปิดประตูให้แก่การก่อความวุ่นวายและการนองเลือด  เขาได้กล่าวครั้งแล้วครั้งเล่าว่าคนที่น่าเบื่อหน่ายเขาในตอนนั้นในไม่ช้าจะอยากให้เขาปกครองต่อไปอีกเป็นร้อยปี  ดังนั้น  เขาไม่ต้องที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความหายนะของคนเหล่านั้น
                   ถ้าหากเราละจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริงโดยบังเอิญสักครู่หนึ่งและหันมาพิเคราะห์ประวัติ ศาสตร์อิสลามเป็นลำดับของคุณค่าและอุดมการณ์ และจะพบว่ามันเป็นความเจ็บปวด(ที่ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานต้องเสียสละเช่นนั้นเพื่อรักษามาตรฐานทางศีลธรรมของเขาไว้) แต่ถ้าเราประเมินเหตุการณ์เหล่านี้ในแง่ของอุดมคติและคุณค่า  เราจะเห็นว่าในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีเลยที่จะไม่มีเรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ  ความแตกต่างระหว่างคนไม่ใช่สิ่งที่มีพิษมีภัยเพราะมนุษย์มักจะพบมันเสมอ  แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คืออุดมคตินั้นถูกปกป้องอย่างกล้าหาญอย่างไรและด้วยความมั่นใจอะไร  และนี่เป็นหลักฐานในตัวเองจากการยอมพลีชีพเพื่ออุดมคติของท่านคอลีฟะฮ์อุษมาน
                   อักกอดได้สรุปความคิดเห็นของเขาว่า ถึงแม้การเสียชีวิตของท่านคอลีฟะฮ์อุษมานจะเป็นความหายนะ อันยิ่งใหญ่แต่มันก็มีความจำเริญแฝงเร้นอยู่เหมือนกับเหตุการณ์หายนะที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในชีวิตของบุคคลและสังคม คนที่ความศรัทธาในอิสลามยังไม่เข้มแข็งได้เห็นว่าผู้ปก ครองคนหนึ่งซึ่งมีอาณาจักรตั้งแต่พรมแดนของจีนไปจนถึงทะเลเมดิเตอเรเนียนนั้นจะเป็นตัวอย่างสำหรับการกระทำของเขาได้อย่างไร
                   เหตุการณ์นี้ได้ให้บทเรียนแก่เราว่าคนแก่ที่มีอายุตั้งแต่ 90 ปีและเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความศรัทธานั้น ถึงแม้จะถูกปิดล้อมในบ้านของตนเองตามลำพังโดยไม่มีเพื่อนและผู้ช่วยเหลือก็ยังไม่ยอมให้ใครเอาชีวิตมาเสี่ยงอันตรายเพื่อเขาทั้งๆ ที่เขาเอาคนนับพันที่พร้อมจะหลั่งเลือดของตนปกป้องเขาในสถานที่ที่เขาถูกปฏิเสธแม้แต่น้ำหยดเดียวได้

นโยบายของรัฐในสมัยท่านคอลีฟะฮอุษมาน

เมื่อท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้รับการบัยอะ (สัตยาบัน) เป็นคอลีฟะฮ์ ท่านก็ไดัแถลงนโยบายการปกครองของท่านที่มัสยิดอันนะวะวีย์ประโยคบางประโยคของท่านกล่าวว่า
                เราจงตักวา (สำรวมตน) ต่ออัลลอฮ I อัลลอฮ I ทรงตรัสแก่พวกเราว่า  การมีชีวิตบนโลกนี้เป็นการใช้ชีวิตอย่างลุ่มหลง  ชอบแสงหาความฟุ่มเฟือย  และแข็งขันด้วยกันเองเพื่อสะสมทรัพย์สมบัติและบุตรธิดา
                รัฐที่ดีที่สุดบนโลกนี้ คือ รัฐ(ประเทศ) ที่มีประชาชนจงรักภักดี และยึดมั่นต่อคำสั่งของอัลลอฮI เพื่อที่อัลลอฮIจะทรงประทานและมอบหมายให้  ฉันขอมอบตนต่ออัลลอฮI และฉันจะถูกนำกลับคืนสู่อัลลอฮI 



ฐานะทางสังคมและคุณธรรมของท่านคอลีฟะฮ์อุษมาน

                เนื่องจากท่านคอลีฟะฮ์อุษมานเกิดหลังปีช้างได้หกปี ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานจึงมีอายุอ่อนกว่าท่านนบี    ห้าปีและได้เข้ารับอิสลามตั้งแต่เริ่มแรกที่พวกกุรอยช์ยังไม่ได้ต่อต้นและกดขี่ข่มเหงมุสลิม เขาได้แต่งงานกับรุกอยยะฮฺ ลูกสาวของท่านนบี  และได้อพยพไปยังอบิสสิเนียพร้อมกับนางหลังจากการกดขี่ขมเหงของพวกกุรอยช์ทวีความรุนแรงมากขึ้น ในตอนนั้นท่านนบี  ได้พูดถึงคนทั้งสองว่า นี้เป็นคู่แรกที่แต่งงานกันเพื่อหลังจากครอบครัวของอิบรอฮีมและลูฏ ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานไดกลับจากอบิสสิเนียและย้ายไปยังมาดีนะหลังจากที่บรรดาสาวกคนอื่นๆ หลายคนได้อพยพไปยังที่นั้นแล้ว หลังจากรุกอยยะฮฺเสียชีวิตท่าน นบี จึงใช้ให้ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานแต่งงานกับอุมมูกัลซูมลูกสาวของท่านอีกคนหนึ่งด้วยเหตุนี้เองเขาจึงเป็นที่รู้จักกันว่า  ซุนนูรอยน์ (เจ้าของสองรัศมี)
                พวกกุรอยช์ได้ให้ความเคารพต่อท่านคอลีฟะฮ์อุษมานเป็นพิเศษ ท่านอุมัรได้กล่าวว่า เมื่อนบี  เสนอที่จะส่งฉันเป็นตัวแทนไปยังพวกกุรอยช์ก่อนสัญญาฮุดัยบิยะย ฉันได้กล่าวกับท่านว่า ให้ฉันแนะนำคนที่น่าเลื่อมใสมากกว่าฉันในสายตาของพวกกุรอยช์ได้ไหม นั้นคือ อุษมาน บิน อัฟฟาน ท่านนบี  จึงเรียกอุษมานมาและส่งเขาไปยังอบูซุฟยานและบรรดาหัวหน้าชาวกุรอยช์ในฐานะตัวแทนของท่าน
                ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้พบกับอบูซุฟยานและบรรดาหัวหน้าและบรรดาหัวหน้าชาว         กุรอยช์เพือนำสาส์น ของท่านไปยังคนเหล่านั้น หลังจากที่ได้ยินอุสมานพูดแล้ว พวกหัวหน้าชาว   กุรอยช์ก็กล่าวว่า    ถ้าหากท่านต้องการที่จะเวียนรอบกะบะฮฺก็ไป เขาได้ได้ตอบว่าจะไม่ไปเวียนจนกว่าท่านนบี จะได้เวียนรอบด้วย เมื่ออุสมานได้กลับกลับมาจากมักกะฮฺ มุสลิมบางคนได้กล่าวเขาว่า ท่านมีโอกาสที่จะได้เวียนรอบบ้านของอัลลอฮ I แล้วใช้ไม่ ?  อุสมานตอบว่า  พวกท่านคิดว่าฉันเป็นอย่างไร?
ขอสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺ I ผู้ทรงมีอำนาจเหนือชีวิตของฉัน  ฉันจะไม่เวียนรอบกะบะฮฺ      ถ้าหากฉันถูกกักตัวอยู่ที่นั้น  และนบี  ยังคงอยู่ที่ฮูดัยบียะฮและไม่ได้เวียนรอบกะบะฮฺของอัลลอฮ I  ”
                ในขณะเดียวกัน  ได้มีข่าวลือแพร่สะพัดมาถึงท่านนบี  ที่ฮูดัยบียะว่าท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้ถูกฆ่าแล้ว ท่านจึงได้เรียกได้เรียกมุสลิมมาเพื่อให้รับรู้ บรรดามุสลิมได้มาประชุมกันรอบท่านนบี  ที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้  ท่านนบี  ได้เรียกให้พวกเขาสัญญาว่าพวกเขาจะไม่วิ่งหนีไปจากสนามรบ  ท่านนบี  เองได้ยกมือของท่านขึ้นและกล่าวว่า  นี่คือมือของท่านคอลีฟะฮ์อุษมาน”  นั้นคือการให้สัตย์สาบานที่รู้กันว่า  บัยอะดุล ริฏวาน
                ท่านอุมัรก็ได้ให้ความเคารพท่านคอลีฟะฮ์อุษมานเป็นอย่างมากเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่ใครต้องการจะรู้สิ่งใดจากท่านอุมัร แต่ไม่กล้าถามโดยตรง เขาก็จะขอความช่วยเหลือจากอุสมานหรืออับดุลเลาะมาน อุสมานเป็นที่รู้จักกันว่า เราะดีฟ (คำที่หมายความถึงใครบางคนที่ได้รับส่วนแบ่งที่นั่งบนอานม้าหรืออูฐกับใครคนใดคนหนึ่งที่มีอำนาจ) เมื่อทั้งสองคนนี้ไม่อยู่แล้ว คนก็จะไปหา    อับบาส อุสมานได้จัดหาอาวุธให้กองทัพที่เดินทางไปยังตะบูกและยังได้ซื้อบ่อน้ำแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าบัยร์รูมาให้มุสลิมได้ใช้
                ติรมีซีได้บันทึกรายงานจากอับดุลเราะมาน บิน ค็อบบาบผู้กล่าวว่า  ฉันอยู่ที่นั้นด้วยเมือตอนที่นบี ได้แนะนำให้บรรดาสาวกบริจาคสิ่งที่ดีในการเตรียมตัวเพื่อ  ญัซซุล อุสร์  (กองทัพแห่งความลำบาก) อุสมานได้กล่าวว่า  ท่านรอซูล  ฉันขอให้อูฐหนึ่งร้อยตัวเพื่ออัลลออ I ท่าน นบี  ได้ลงมาจกแท่นเทศนาและกล่าวว่า ถ้าอุสมานไม่ให้อะไรมากกว่านี้ การกระทำของเขาอันนี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว อะนัสและอับดุลเราะมาน บิน สะมูเราะก็รายงานเกี่ยงกับความใจบุญของท่านอุสมานในทำนองเดียวกัน
                ฮากีมได้เล่าจากอบูฮุรอยยเราะว่าท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้รับสวรรค์สองครั้งครั้งหนึ่งเมื่อเขาได้ซื้อบ่อน้ำบัยรูมา และอีกครั้งหนึ่งเมื่อเขาจัดอาวุธแห่งความลำบาก
                ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้ซื้อบ่อน้ำบัยรูมา เป็นเงินถึงสองหมื่นดิรฮัมและได้มอบเป็น       ประโยชย์ส่วนร่วมสำหรับมุสลิมทุกคน บ่อน้ำแห่งนี้เป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ยิวคนหนึ่งเป็นเจ้าของครั้งหนึ่ง ท่านนบี  ได้ขอให้ใครคนหนึ่งซื้อบ่อน้ำไว้สำหรบมุสลิมจะได้นำน้ำมาใช้ประโยชน์ นี้เองที่ทำให้เขาสิทธิ์พิเศษในการที่จะเขาไปอยู่ในสวรรค์   เพราะในเวลานั้น  มุสลิมมีความต้องการน้ำเป็นอย่างมาก
                ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์เมื่ออายุ  70 ปีตามปฎิทินอิสลามหรืออายุ 63 ตามปฎิทินของพวกกรีก

คดีสังหารท่านคอลีฟะฮ์อุมัร

                อับดุลเลาะฮฺ บุตรของคอลีฟะฮ์อุมัร ได้ฆ่าชาวเปอร์เซีย 2 คนชื่อ ฮัรมูซันและจาฟีนะฮฺ การที่อับดุลเลาะฮฺได้สังหารชาวเปอร์เซีย ทั้งสองคนนั่นก็เพราะว่าเขาเชื่อแน่ว่า บุคลทั้งสองนี้ ได้คบคิดสังหารท่านคอลีฟะฮ์อุมัร ผู้เป็นบิดาของตน
                ทั้งนี้เพราะว่า ในตอนเย็นก่อนวันที่ท่านคอลีฟะฮ์อุมัรจะถูกฆ่าตายนั้น อับดุลเราะมาน บุตรของอบูบักร ได้เห็นอบูลุลู และชาวเปอร์เซียทั้งสองคนนั้น กำลังกระซิบกระซาบปรึกษาหาความกันอยู่  เมื่อทั้งสามคนได้เห็นอับดุลเราะมานเดินผ่านมาก็สะดุ้งตกใจ แสดงท่าทีส่อพิรุธ ก็ได้ทำกริชสองคมเล่มหนึ่งตกอยู่กับพื้นดิน
                ภายหลังจากที่ท่านคอลีฟะฮ์อุมัรถูก อบูลุลูสังหารแล้ว อับดุลเลาะบุตรของท่านคอลีฟะฮ์อุมัรก็เข้าไปตรวจสอบดูกริช ที่คนร้ายได้สังหารบิดาของตน ปรากฏว่ากริชเล่มนั้นเหมือนกับกริชที่อับดุลเระมานได้เล่าให้เขาฟังอย่างที่สุด ด้วยความโกรธแค้น อับดุลเลาะจึงวิ่งเข้าไปหาชาวเปอร์เซียทั้งสองคนและจัดการสังหารทันที
                คดีฆาตกรรมนี้ ได้ถูกนำมาเสนอคอลีฟะฮ อุษมานและท่านคอลีฟะฮ์อุษมานก็ได้นำเรื่องนี้มาปรึกษาขอความเห็นจากชนชั้นผู้นำต่างๆ อาลีได้ให้ความเห็นว่า  พยานหลักฐานโดยอับดุลเราะมานเพียงคนเดียว ยังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าชาวเปอร์เซียทั้งสองร่วมกันสบคบคิดสังหารคอลีฟะฮ์อุมัรและอาลีได้แนะนำให้อุสมานทำการประหารชีวิตอับดุลเลาะให้ตายไปตามๆกัน แต่บุคลอื่นๆ ไม่เห็นด้วยกับความคิดของอาลี อุสมานรู้สึกลำบากใจมากที่จะตัดสินชี้ขาดลงไปอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ในที่สุดท่านคอลีฟะฮ์อุษมาน ก็ได้ตัดสินใจให้จ่ายเงินเป็นการทดแทนแก่ชาวเปอร์เซียทั้งสองคน แต่ชาวเปอร์เซียทั้งสองก็ไม่มีญาติพี่น้องคนใดที่จะเป็นตัวแทนรับเงินจำนวนนั้นได้ ท่านคอลีฟะฮ์จึงมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในอันที่จะพิจารณาจัดการกับเงินจำนวนนี้ ในนามของชาวเปอร์เซียทั้งสองคน การตัดสินคดีของท่านคอลีฟะฮ์คนใหม่ได้รับความพอใจจากบุคลต่างๆโดยทั่วกัน

ผลงานของท่านคอลีฟะฮ์อุษมาน

                ในวันที่ท่านดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ท่านมีอายุได้ 69 ปี บรรดาผู้ที่อยู่ในตระกูลเดียวกับท่าน ได้ให้การสนับสนุนท่านซึ่งบุคคลเหล่านี้อยูในวัยฉกรรจ์ มีความฉลาดเฉียบแหลมมีความชำนาญ และมีความสามารถในการบริหารกิจการต่างๆ บุคคลเหล่านี้บางคน ท่านอุมัรได้แต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองรัฐอิสลามบางรัฐ  เช่น ยะซีด บุตรของ อบูซุฟยาน ซึ่งมีส่วนร่วมในการพิชิตชาม  ต่อจากนั้นท่านอุมัรก็ได้แต่งตั้งให้ปกครองดิแดนส่วนนี้  เมื่อยะซีด ได้ถึงแก่กรรม  ท่านอุมัรได้แต่งตั้งให้น้องชายคนเล็กองเขาคือ  มุอาวียะห์ บุตรของอบู  ซุฟยาน เป็นผู้ปกครองแทน  ซึ่งเขาเป็นสาวกของท่านศาสดา 
                ท่านคอลีฟะฮ์อุษมานมีความไว้เนื้อเชื่อใจผู้ที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับตนเป็นอย่างยิ่ง ท่านได้แต่งตั้งให้พวกพ้องของท่านหลายคนดำรงตำแหน่งต่างๆ เช่น ผู้ปกครองรัฐแต่ถึงแม้ว่าบรรดาผู้ที่อยู่ในตระกูลอุมัยยะฮฺจะเป็นผู้ที่มีความสามารถอย่างสูงก็ตาม แต่บรรดามุสลิมไม่พอใจในการกระทำของท่านคอลีฟะฮ์อุษมานเช่นนั้น เพราะว่าท่านอบูบักรและท่านอุมัร  ไม่เคยแต่งตั้งผู้ใดในหมู่ญาติ ของท่านได้ดำรงตำแหน่งต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น