เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
บล็อกนี้ เป็นบล็อกสำหรับทุกคนที่ต้องการรับรู้ถึงสังคมปัจจุบันว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางใดและสังเกตุพฤติกรรมของมุสลิมในสังคมว่ามีสภาพว่าเป็นอย่างไร พร้อมกันนี้เพื่อนอิสลามจะคอยเป็นเพื่อนกับทุกท่านที่เข้ามาเยื่ยมชม ซึ่งสิ่งที่เราต้องการ คือ เป็นเพื่อนในอิิสลามของคุณตลอดไป และถ้าหากเห็นว่าบล็อกนี้มีประโยชน์ช่วยเม้นให้ด้วยนะ หรือ ถ้าหากจะต้องการเนื้อหาอะไรก็โพสได้นะครับ ยินดีเสมอครับ

วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เหตุการณ์อิรติดาดในแคว้น Yaman, Hadramaut และ Kindah





โดยอาจารย์ รอฟลี แวมะ อาจารย์ประจำคณะวิทยาลัยอิสลามศึกษา ชำนาญการด้านประวัติศาสตร์อิสลาม โดยเฉพาะ


Aswad  Al-Ansi

Aswad  Al-Ansi  ชื่อจริงคือ  ‘Ayhalah Ibn Ka’b  Ibn Avf  Al-Ansi จากเผ่า Ansi เกิดใน Khaban  ในเมือง Najran , เป็นนักกวี เชี่ยวชาญในเรื่องมายากล และเป็นอัศวินที่เก่งกล้ามาก เคยรับอิสลาม เรียนรู้อิสลามจากคัมภีร์เก่า (Anjil และ Taurat)  เป็นคนแรกที่ถอนตัวออกจากศาสนาอิสลาม (Murtad) อย่างเปิดเผย และอ้างตัวเป็นศาสดาในปี ฮ..ที่ 10 โดยมีผู้ติดตามซึ่งส่วนใหญ่จากเผ่าตนเองถึง 700 คน และมีแม่ทัพเอกชื่อ Qays B. Abdu’l-Yaghus B. Maksyuh

ประเด็นที่ Aswad ยกมาเพื่อหาผู้สนับสนุนในการต่อต้านรัฐบาลอิสลามที่ Madinah คือ
1.             การที่ท่านศาสดาส่งสาวกของท่านเข้ามาในแคว้น Yaman อย่างมากมาย เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองนครต่างๆ และเก็บ Zakat นั้น เป็นการสร้างอาณานิคมของท่านศาสดา และถือว่าเป็นการสร้างอาณานิคมของเผ่ากุร็อยซฺในแค้วน Yaman,  Aswad จึงเรียกร้องให้ขับไล่ตัวแทนที่ท่านนบีได้ส่งมายังแค้วน Yaman ให้หมด
2.             หลักการ Zakat นั้น เป็นการแสวงหาความร่ำรวยของผู้สร้างอาณานิคมมิใช้เป็นเรื่องศาสนา จึงเรียกร้องให้ท่านนบีและตัวแทนของท่านจ่ายคืน Zakat ที่เก็บจากชาว Yaman ให้หมด

Aswad พร้อมกับกองทัพได้เข้าโจมตีและยึดเมือง Najran ซึ่งที่นั้นมี Umar B. Hazm และ Khalid B. Al-As เป็นตัวแทนของรัฐบาล Madinah ที่ท่านนบีได้ส่งมา ทั้งสองสามารถหนีเอาตัวรอดและกลับไปยัง Madinah
            Aswad ได้รวบรวมกำลังเข้าไปยึดครองนคร San-a’ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแคว้น Yaman, เมือง San-a’ เวลานั้นมีข้าหลวงที่ได้รับแต่งตั้งจากท่านศาสดาคือ Syahr B. Bazan  ท่านไม่สามารถปกป้องนคร San-a’ ได้และถูกทหาร Aswad  ฆ่าตาย (Syahid) และ Aswad ได้แต่งงาน (โดยบังคับ) กับอดีตภรรยาหม้ายของ Syahr b. Bazan ที่มีชื่อว่า Azad และแต่งตั้ง Fayruz al-Daylami  (เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ Azad) และ Dazayah เป็นแม่ทัพและดูแลชาว Abna’ (คือเชื้อสาย Persia ที่อยู่ Yaman ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม) ทั้งสองนั้นยังยึดมั่นอยู่กับอิสลามแต่ด้วยความกลัวต่ออำนาจของ Aswad และเพื่อรักษาชีวิตจึงแสดงตัวเป็นผู้สนับสนุน Aswad
           
เมื่อเรื่องราวดังกล่าวทราบถึงท่านนบี ท่านจึงส่ง Wabar B. Yahnas พร้อมกับกำชับสั่งให้มุสลิม และเจ้าครองนครต่างๆ ในแค้วน Yaman กำจัด Aswad ให้เร็วที่สุด สาส์นคำสั่งของท่านนบีได้แพร่กระจายอย่างลับๆในหมู่มุสลิม และในที่สุด Aswad ถูกลอบสังหารโดย Fayruz, Dazavayh และ Qays ด้วยความร่วมมือจากภรรยาของท่านคือ Azad โดยการตัดคอในขณะที่กำลังนอนอยู่ในอาการมึนเมา นักประวัติศาสตร์บางท่านบันทึกว่า ข่าวการเสียชีวิตของ Aswad ถึง Madinah ในเช้าของวันที่ท่านนบีเสียชีวิต
           
ถึงแม้ว่า Aswad ถูกกำจัดไปแล้วก็ตาม แนวความคิดของเขาได้แพร่หลายในแคว้น Yaman รวมถึงใน Tihamah, Hadramaut  และ Kindah  เมื่อข่าวการเสียชีวิตของท่านนบีได้แพร่หลาย Qays B. Yaghus อดีตทหารเอกของ Aswad และเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อว่า Umar B. Ma’dikarb[1] เป็นแกนนำถือโอกาสดังกล่าว รวบรวมประชาชนที่คล้อยตามแนวความคิดของ Aswad ประกาศถอนตัวจากการเป็นมุสลิมเป็นกบฎ และต่อต้านรัฐบาลอิสลามแห่ง Madinah ภายใต้การนำ Khalifah Abu Bakr
           
Qays ได้สืบถอดแนวความคิดของ Aswad และสามารถรวบรวมผู้สนับสนุนเป็นจำนวนมากเขาพยายามปลุกระดมชาว Yaman ให้เกลียดชังคนนอกที่มามีอำนาจใน Yaman โดยเฉพาะกลุ่ม Abna’ ที่ยังยึดมั่นในอิสลาม เขาได้ขับไล่กลุ่มดังกล่าวที่ไม่ให้การสนับสนุนเขาออกจาก Yaman และได้วางแผนสังหาร Dazavayh จนเสียชีวิตส่วน Fayruz นั้น รู้ตัวทันสามารถหนีตัวรอด
           
เหตุการณ์ดังกล่าวทราบถึง Khalifah Abu Bakr ท่านได้ส่งกองทัพนำโดย Al-Muhajir B. Umayyah[2] เข้ามาปราบ Qays และพรรคพวกในแค้วน Yaman และในที่สุด Qays B. Yaghus และ Umar B. Ma’dikarb ถูกจับเป็นเชลยส่งไปยัง Madinah ทั้งสองได้เตาบัตกลับตัวเป็นมุสลิมใหม่ Umar B. Ma’dikarb ได้มีโอกาสเข้าร่วมกองทัพอิสลามไปญิฮาดที่ Syria ร่วมสงคราม Yarmuk และสงคราม Al-Qadisiyyah ท่านเสียชีวิตใน ฮ..ที่ 21
           
เมื่อ Al-Muhajir B. Umayyah จัดการกับ Qays และพรรคพวกเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว ท่านก็เดินทัพต่อยัง Hadramaut และ Kindah ในบริเวณดังกล่าวนี้มี Al-Asy’ath B. Qays Al-Kendi[3] เป็นแกนนำกลุ่มมุรตัดในบริเวณนี้  Al-Asy’ath จับตัว  Ziyad B. Labid Al-bayadh ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาล Madinah ใน Kindah เป็นตัวประกันและกักขังในพระราชวังที่ Nujair เมื่อกองทัพของ Al-Muhajir มาถึงที่ Kindah ได้เผชิญหน้ากับกลุ่มมุรตัดที่นำโดย Al-Asy’ath และในที่สุด Al-Muhajir สามารถปราบกลุ่มดังกล่าวได้อย่างราบคาบและสามารถนำความสันติสุขใน Kindah  กลับคืนมาได้อีกครั้งหนึ่ง ส่วน Al-Asy’ath B. Qays Al-Kendi ถูกจับเป็นเชลยและส่งตัวไปยัง Khalifah Abu Bakr เพื่อให้การตัดสินลงโทษ แต่ในที่สุด Al-Asy’ath สำนึกผิดกลับใจเป็นมุสลิมใหม่ ท่าน Abu Bakr ก็ให้อภัยเขาพร้อมกับยกน้องสาวที่ชื่อว่า Ummu Farwah เป็นภรรยาเขา บานปลายชีวิตของ Al-Asy’ath ได้ยึดมั่นในอิสลามและปฏิบัติตัวเป็นมุสลิมที่ดี เข้าร่วมสงคราม Yarmuk สงครามพิชิตอีรัก ร่วมกับฝ่ายท่าน Ali ในสงคราม Saffin และ Nahrawan ท่านเสียชีวิตใน ฮ.. ที่ 41



[1] Umar B. Ma’dikarb จากเผ่า Zubaid, เคยเป็นตัวแทนของเผ่าจำนวน 10 คนเข้าพบท่านนบีเข้าและรับอิสลาม เมื่อท่านนบีเสียชีวิตกลับเป็นมุรตัด
[2] ท่านนบีได้แต่งตั้งเป็นตัวแทนของรัฐบาล Madinah ใน Kindah แต่ไม่ทันจะเดินทางมา ท่านนบีเสียชีวิตก่อนประกอบกับที่ Kindah มีกลุ่มมุรตัดเกิดขึ้น และต่อมา Al-Muhajir ได้รับแต่งตั้งเป็นข้าหลวงใน San-a’
[3] สืบเชื้อสายจากกษัตริย์ใน Kindah และเคยเป็นตัวแทนของ Kindah จำนวน 10 คน เข้าพบท่านนบีใน ฮ..ที่ 10 และเข้ารับอิสลาม พร้อมกับขอให้ท่านนบีส่งสาวกท่านหนึ่งเพื่อเป็นครูสอนศาสนาและเป็นตัวแทนของรัฐบาล Madinah ท่านนบีจึงส่ง Ziyad B. Labid Al-bayadh

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น