ชีวประวัติโดยย่อ
ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี ( ค.ศ 1839-1897 )
แนวคิดทางการเมือง
ชีวประวัติโดยย่อ
ซัยยิด ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี ถือกำเนิดที่กาบูล อัฟฆานิสถาน (อัฟกานิสถาน) เมื่อปี ค.ศ. 1839 ท่านถูกเรียกว่า “อัล-อัฟฆอนี”ก็เพราะเป็นชาวอัฟกานิสถาน
หลังจากจบการศึกษาสายสามัญ ในประเทศของท่านแล้ว ท่านก็เข้าร่วมกลุ่มเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “Pergerakan pan Islamisme” (การเคลื่อนไหวของลัทธิรวมของพวกที่นับถือศาสนาอิสลามทั้งหมด) คือเป็นกลุ่มการเคลื่อนไหวที่มีจุดประสงค์เพื่อก่อตั้งเคาะลีฟะฮ์อิสลามสำหรับประชาชาติอิสลามทั่วโลก
ท่านเป็นผู้นำที่มีความฉลาด มีความรู้ความสามารถสูงโดยเฉพาะความรู้ที่เกี่ยวข้องกับตรรกวิทยา (วิชาที่ว่าด้วยการคิดหาเหตุผลหรือที่กล่าวด้วยกฎแห่งความคิด) และปรัชญา แต่ท่านไม่ได้เป็นอูลามาอุดังความเข้าใจของนักเขียนส่วนใหญ่ในอินโดนีเซีย
และท่านเองก็ไม่ใช่ผู้มีความคิดสมัยใหม่ในศาสนาหรือไม่ใช่นักปฏิรูปศาสนา แต่ท่านเป็นผู้มีความคิดทันสมัยในเรื่องของการเมืองต่างหาก เพราะท่านไม่รู้มากนักเกี่ยวกับอัลกรุอานและฮะดิษ ท่านเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง โดยเฉพาะเรื่องของชนชาติอังกฤษที่เข้ามาปกครองเมืองขึ้น
ส่วนเรื่องความเชื่อมั่นทางศาสนานั้น ท่านโอนเอียงไปทางทัศนะของชีอะฮ์
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า การที่ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนีได้ตำหนิกลุ่มอะหลุซซุนนะฮ วัล-ญะมาอะห์ในหลาย ๆ เรื่อง เพราะระหว่างทัศนะของชีอะห์และอะหลุซซุนนะฮ วัล-ญะมาอะห์นั้น แตกต่างกันเสมอโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับอิญติฮาด (การวินิจฉัยปัญหาศาสนาที่ไม่เคยมีมาก่อน) และตักลีด (การปฏิบัติตามโดยที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ)
ในปี 1869 เมื่อขณะมีอายุได้ 30 ปี ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนีได้ถูกรัฐบาลอัฟกานิสถานขับออกนอกประเทศ เพราะลักษณะทางการเมืองของท่านขัดกันกับแนวทางของผู้นำอัฟกานิสถานในขณะนั้น
ครั้นเมื่อท่านพำนักอยู่ในอียิปต์ ชื่อเสียงของท่านต่างก็เป็นที่รู้จักของบุคคลโดยทั่ว ๆ ไปเพราะท่านเป็นผู้นำหนุ่มเพียงคนเดียวที่ต่อต้านลัทธิครอบครองเมืองขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ครอบครองเมืองขึ้นชาวอังกฤษหรือชาวฝรั่งเศสก็ตามซึ่งขณะนั้นกำลังรุกรานกลุ่มประเทศที่ประชากรนับถือศาสนาอิสลาม
นักศึกษาของมหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัรเป็นจำนวนมากที่เกิดความประทับใจหรือคลั่งไคล้ต่ออัล-อัฟฆอนี อาทิเช่น มุฮัมมัด อับดุฮ ฮะซัน อัต-ตาวีล ฯลฯ
มุฮัมมัด อับดุฮ ชอบที่จะไปที่บ้านของญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี มากกว่าจะไปนั่งเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร เพราะเขาได้รับบทเรียนจากญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนีมากกว่าที่มหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร เช่น วิชาตรรกวิทยา ปรัชญาที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญและการเมือง
ดังกล่าวนี้อาจเป็นเหตุทำให้ความตั้งใจของพ่อแม่ของมุฮัมมัดอับดุฮที่ต้องการให้ลูกได้เป็นอุลามาอที่ยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับอิบนูฮะญัร อัล-ฮัยตามีย์, ซากาเรีย, อัล-อันศอรีย์ และอัล-บายูรีย์ (ปริญญาบัตรจากอัลอัซฮัร) ต้องผิดหวัง เพราะการศึกษาของมูฮัมมัด อับดุฮถูกครอบงำจากบทเรียนทางการเมืองของญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี
เพราะสาเหตุดังกล่าวนั้นทำให้มุฮัมมัด อับดุฮฺ ต้องละทิ้งทัศนะเดิมของตนคือทัศนะของอะห์ลุซซุนนะฮ์ วัล-ญะมาอะห์ ซึ่งไม่เป็นที่พอใจของญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี ผู้เป็นอาจารย์ของตนการกระทำดังกล่าวนั้น ทำให้บรรดาอาจารย์คนอื่น ๆ ของมุฮัมมัด อับดุฮไม่พอใจต่อการกระทำของเขา
ในปี 1879 คือประมาณ 10 ปีหลังจากญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี ตั้งหลักฐานอยู่ที่อียิปต์ท่านก็ได้ถูก ซุลต่าน เตาฟีก ปาซา ผู้นำในอียิปต์ถูกขับออกนอกประเทศ เพราะการเมืองและศาสนาของท่านไม่เป็นที่ยอมรับของรัฐบาลอียิปต์
จากนั้นญะมาลุดดีนก็เดินทางมุ่งหน้าไปยุโรป เขาได้ไปเยือนกลุ่มประเทศยุโรปในหลาย ๆ ประเทศ และสุดท้ายก็ได้พำนักอยู่ที่กรุงปารีสเมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศส
ในปี 1884 หลังจากที่ท่านใช้ชีวิตอยู่ในกรุงปารีสประมาณ 5 ปี ท่านก็ได้ทราบข่าวว่ามุฮัมมัด อับดุฮซึ่งเป็นศิษย์รักของท่านถูกรัฐบาลขับออกจากอียิปต์และไปอยู่ที่เบรุต (เลบานอน) ในฐานะเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่วิทยาลัย “ซุลตอนียะฮ์”
ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี ก็ได้เรียกศิษย์ของท่านคนนี้ไปยังปารีสและทั้งสองก็ได้ไปร่วมกันจัดนิตยสาร “อัล-อุรวะตุล วุสกอ” ซึ่งเป็นนิตยสารทางเมืองที่มีรากฐานมาจากอิสลาม
นิตยสารดังกล่าวมีโอกาสจัดพิมพ์ได้เพียง 18 อันดับเท่านั้น ซึ่งอันดับแรกเริ่มจัดพิมพ์เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 1884 ส่วนอันดับสุดท้ายเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 1884 เช่นกัน
นิตยสารทั้ง 18 อันดับนี้ ภายหลังได้จัดพิมพ์รวมเล่มขึ้นที่อียิปต์ และจากนิตยสารดังกล่าวนี้ทำให้ผู้เขียนสามารถทราบได้ว่าเป็นอย่างไรและใครคือญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนีและมุฮัมมัด อับดุฮผู้นั้น
ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนีเป็นนักการเมืองที่ต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมของชาติตะวันตกอย่างจริงจัง โดเฉพาะลัทธิแผ่อำนาจของชาวอังกฤษ ซึ่งกำลังปกครองอินเดียและอียิปต์อยู่ในขณะนั้น
ไม่เพียงแต่ลัทธิของจักรวรรดินิยมของอังกฤษเท่านั้น แต่บรรดาผู้ที่สนับสนุนให้กับลัทธิจักรวรรดินิยมของอังกฤษ เช่น เซอร์ ซัยยิด อะห์หมัด คาน และมัชซา ฆุลาม อะห์หมัด
อัล-ก๊อดยานีก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ พร้อมยังได้ถูกให้ชื่อว่าเป็นทาสของลัทธิจักรวรรดินิยมอังกฤษอีกด้วย
จากที่ได้กล่าวมานั้นพอสรุปได้ว่า บรรดาผู้ที่ชาวอินโดนีเซียคิดว่าพวกเขาเป็นแกนนำของความคิดสมัยใหม่ในศาสนานั้น แท้จริงแล้วในระหว่างพวกเขาเองก็ยังมีข้อแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
นิตยสาร “อัล-อุรวาตุล วุสกอ” สุดท้ายก็ถูกสั่งปิดโดยรัฐบาลฝรั่งเศสและเขาก็ถูกขับไล่ออกจากฝรั่งเศสอีกด้วย
จากนั้นญะมาลุดดีน ได้พเนจรไปยังตุรกี ไปพักพิงอยู่กับราชาอับดุล ฮามีด คาน และเขาก็ได้เสียชีวิต ณ ที่นั่นในปี 1897 รวมอายุของเขาทั้งหมด 58 ปี
จากที่กล่าวมานั้นเป็นประวัติโดยสรุปของผู้นำการเมืองที่ยิ่งใหญ่ ชื่อญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆานี
เขาจากไปโดยไม่ได้ทิ้งหนังสือที่เกี่ยวกับศาสนาไว้มากนักนอกจากนิตยสารรวมเล่มที่ชื่อ อัล-อุรวาตุล วุสกอ และหนังสือเล่มเล็กอีกสองเล่ม คือ อัร-ร๊อดดุ อะลัด-ดะห์ และประวัติศาสตร์อัฟกานิสถาน
จากสิ่งที่เขาได้ทิ้งไว้นี้ สามารถสรุปได้ว่า ญะมาลุดดีนอัล-อัฟฆอนีนั้นไม่ใช่นักวิชาการด้านศาสนา และก็ไม่ใช่แกนนำของกลุ่มผู้ที่มีความคิดในศาสนาแต่อย่างใด แต่ทว่าเขาเป็นเพียงนักต่อสู้เพื่อมโนธรรมและอิสรภาพของประชาชาติอิสลามเท่านั้น
แนวคิดทางการเมือง
ญะมาลุดีน อัล-อัฟฆอนี เป็นผู้นำที่มีความคิดทันสมัยในเรื่องของการเมืองและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง โดยเฉพาะของชนชาติอังกฤษที่เข้ามาปกครองเมืองนั้น และเป็นนักการเมืองที่ต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมของชาติตะวันตกอย่างจริงจัง ไม่เพียงเฉพาะลัทธิแผ่อำนาจของชาวอังกฤษเท่านั้น แต่บรรดาผู้ที่เป็นแขนขาหรือผู้สนับสนุนให้กับลัทธิจักรวรรดินิยมของอังกฤษ เช่น เซอร์ ซัยยิด อะห์หมัด คาน และมัซซา ฆุลาม อะห์หมัด อัล-ก็อดยานี ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยพร้อมทั้งยังได้ถูกให้ชื่อเป็นทาสของลัทธิจักรวรรดินิยมของอังกฤษอีกด้วย
ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี มีความเชื่อว่า การฟื้นฟูอิสลามนั้น สามารถกระทำสำเร็จได้โดยการปรับวิชาการแขนงต่างๆ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ให้เข้ากับศาสนา เพราะความรู้สมัยใหม่นั้นไม่มีอะไรขัดแย้งกับหลักคำสอนของคัมภีร์อัล-กุรอาน และที่สำคัญที่สุดคือ มุสลิมจะต้องมีเอกภาพอยู่ภายใต้ความเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง ทั้งนี้เพื่อที่จะสามารถรักษาอิสรภาพทางการเมืองของโลกมุสลิมไว้จากการทำลายของลัทธิจักรวรรดินิยมยุโรปได้
ตามความคิดของญามาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี “เจตนารมที่แท้จริงของอิสลามนั้นอยู่ที่การปรับความคิดและการตีความคำสอนให้ทันสมัยภายใต้กรอบอิสลามอยู่ตลอดเวลา” ในการบรรยายของท่าน ญามาลุดดีน อัล-อัสฆอนี ชอบสาธยายถึงอดีตอันรุ่งโรจน์ของมุสลิมพร้อมกับความรุ่งเรืองทางการเมือง ความมั่งคั่งทางวัตถุ ความสำเร็จทางด้านวัฒนธรรมและวิชาการ ทั้งนี้เพื่อจะย้ำนักศึกษาของเขาให้มีความเชื่อมั่นว่า การปฏิบัติตามหลักการอิสลามเท่านั้นที่จะยังความสำเร็จให้เดขึ้นได้ทั้งโลกนี้และโลกหน้า
ชีวิตของญามาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี เป็นสักขีพยานที่ดีที่สุดถึงการอุทิศของตนของเขาให้แก่สวัสดิการของมุสลิมทั่วโลก โดยไม่มีการลำเอียงให้แก่ชาติหนึ่งชาติใด แผ่นดินของเขานั้นอยู่ทั่วโลก เหมือนดั่งกวีของเขา อัสสาลา อิกบาล ซึ่งกล่าวว่า “ฉันไม่มีประเทศใดนอกจากอิสลาม”
ความ อัจฉริยะของเขาทำให้เขามองโลกได้กว้างและมองได้ทุกแง่ทุกมุม เขาถือว่าโลกมุสลิมทั้งหมดมิใช่ส่วนหนึ่งส่วนใดกำลังถูกพวกตะวันตกข่มขู่คุกคามอยู่จริงๆ และเมื่อเปรียบเทียบ กับการข่มขู่คุกคามนี้แล้ว เขาเห็นว่า โลกอิสลามยังอ่อนมาก และท่านตระหนักดีที่ว่าโลกกำลังคุกคามด้วยความอ่อนแอของโลกเอง ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่า ท่านจะเป็นผู้ฟื้นฟูอิสลามคนแรกที่ใช้แนวความคิด “อิสลามกับตะวันตก”เป็นความหมายควบคู่ไปกับปรากฏการณ์ความเป็นศัตรู และปรากฏการณ์ทางประวัติศาสตร์ด้วย และต่อมาคำนี้ได้กลายเป็นมาตรฐานในความคิดทางอิสลามไป เพราะญามาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี นี่แหละที่ทำให้ความสำนึกของมุสลิมมองเห็นการมุ่งทำลายของพวกตะวันตกขึ้นมา
แผนการทางด้านการเมืองของญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี นั่นคือ การต่อต้านการรุกรานของพวกจักรพรรดินิยมจากภายนอก และต่อต้านลัทธิชาตินิยมกับความเสื่อมเสียทางศีลธรรมภายใน ท่านอัฟฆอนีรู้อย่างชัดแจ้งว่าการฟื้นฟูอิสลามไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้การปกครองศตรูต่างชาติ และยังคงมองเห็นถึงความสำคัญของการมีผู้นำที่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ของส่วนตัวด้วย แต่เป็นที่น่าเศร้าใจที่ศิษย์เอกของท่านซึ่งเป็นชาวอิยิปต์คือ ชัยค์ มูฮัมมัด อับดุฮ ไม่เข้าใจในเรื่องนี้และละทิ้งอันแรกไป แล้วไปทำอันหลังเพียงอย่างเดียว แผนงานของท่านจึงไม่สมบูรณ์
แนวคิดทางศาสนา
- ความเชื่อมั่นในศาสนานั้น ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี เอนเอียงไปทางทัศนะของชีอะห์ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยว่าการที่ ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี ได้ตำหนิกลุ่มอะห์ลุซซุนะห์ วัล-ญะมาอะห์ ในหลายๆเรื่อง เพราะระหว่างทัศนะของชีอะห์ และอะห์ลุซซุนะห์ วัล-ญะมาอะห์ นั้นแตกต่างกันเสมอ โดยเฉพาะเรื่องการอิจติฮาด และการตักลิด
- ในฐานะที่ท่านเอนเอียงไปทางชีอะฮห์ ท่านจึงมีทัศนะว่า อิหม่ามมุจตะฮิดนั้นจะต้องมีอยู่ทุกสมัย เพื่อเป็นตัวแทนของอิหม่ามชีอะห์ที่สาบสูญ ซึ่งอยู่ในช่วงรอคอยการกลับมาของเขาในระยะสุดท้ายก่อนวันสิ้นโลก หากแม้ว่าจะไม่พบผู้ที่มีความสามารถเป็นอิหม่ามมุจตะฮิดได้ก็ตาม แต่ทว่าประชาชนต้องแต่งตั้งผู้ใดผู้หนึ่งเป็นอิหม่ามมุจตะฮิดในฐานะผู้นำประเทศ
- ทัศนะของอะห์ลุซซุนนะฮ์ วัล-ญามาอะฮ์ โดยเฉพาะทัศนะของมัซฮับทั้ง 4 ที่ตั้งเงื่อนไข สร้างความลำบากแก่ผู้ที่จะเป็นอิหม่ามมุจตะฮิดนั้น ถือว่าเป็นการไม่ถูกต้อง
- เพื่อให้สอดคล้องกับอิบนุ ตัยมียะฮ์ และศิษย์ของเขาที่ชื่อ มุหัมมัด อับดุฮ ดังนั้นเขาจึง เรียกร้องให้กลับไปสู่อัลลอฮและรซูล
- ญะมาลุดดีน อัล-อัฟฆอนี ไม่ชอบระบบมัซฮับ โดยเฉพาะมัซฮับ ชาฟีอีย์
ผลงาน
1. หนังสือ “Refutation of the Meterialists” (ข้อโต้แย้งของพวกวัตถุนิยม)
2.นิตยสารรายสัปดาห์ภาษาอาหรับ ชื่อว่า “อัล อุรวะตุล-วุสกอ” เป็นนิตยสารทางการเมืองที่มีรากฐานมาจากอิสลาม ทั้งนี้โดยมีจุดประสงค์ เพื่อปลูกเร้ามุสลิมทุกชาติ ให้ผนึกกำลังกันต่อต้านการข่มขู่คุกคามของพวกตะวันตก ที่พยายามเข้าครอบครองและกอบโกยผลประโยชน์จากโลกมุสลิม
3. หนังสือประวัติศาสตร์ของอัฟกานิถาน หนังสือ อัร รอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น